เที่ยวกาญจนบุรี 2คืน 3วัน มัน สนุก สุข สดชื่น
สวัสดีค่ะ ทริปนี้ไปไม่ไกลมาก เดินทางง่ายๆด้วยการขับรถไป แค่กาญจนบุรีนี่เอง ทริปนี้อยากหาที่เที่ยวแบบที่มีทั้งน้ำตก และสวนน้ำ หรือ Water PArk ก็เลยไม่ยากสำหรับจังหวัดนี้ ใช้เวลา 3 วัน 2คืน กับแผนการเดินทางง่ายๆ ดังนี้ค่ะ
แผนการเดินทางคร่าวๆ
วันที่ 1
– รับรถเช่า Avis ที่สนามบินดอนเมือง
– RAVI RIVA CAFE
– น้ำตกเอราวัณ
– One Tea Coffee
– นอนในเมือง
วันที่ 2
– พักผ่อน และ ล่องแพเปียก กระโดดน้ำในเขื่อน ที่ Lake Haven
วันที่ 3
– เล่นเครื่องเล่น Water Park ในรีสอร์ท
– แวะพัก Waiting for a name
– คืนรถดอนเมือง
AVIS Rent a car
การออกเดินทางครั้งนี้ใช้รถเช่าที่สนามบินดอนเมืองค่ะ ใช้บริการเจ้าประจำ คือ Avis ที่นี่มีให้บริการทั้งรถเช่าขับเอง และรถเช่าพร้อมคนขับ มีให้บริการมากถึง 29 สาขาทั่วประเทศ และที่ชอบมากที่สุดเลยก็คือสามารถคืนรถช้าได้ถึง 4 ชั่วโมงแน่ะ #AvisThailand
จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดกาญจนบุรีโดยใช้เส้นทางบางเลนจังหวัดนครปฐมแล้วเข้าสู่จังหวัดกาญจนบุรี
RAVI RIVA CAFE
จุดหมายแรกของทริปนี้คือ RAVI RIVA CAFE อีกหนึ่งคาเฟ่ในจังหวัดกาญจนบุรี ที่ทำให้รู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในบรรยากาศ วินเทจ ยุโรป โอบล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวชะอุ่มรอบทิศทาง ร่มรื่นและสวยงามมาก
แทบไม่น่าเชื่อว่าริมแม่น้ำแม่กลอง ในอำเภอท่าม่วง จะมีคาเฟ่ที่สวยและบรรยากาศดีขนาดนี้อยู่ บอกได้แค่ “ห้ามพลาดเด็ดขาด” !
พอเปิดประตูเข้าไปข้างในร้าน ก็ต้องร้องว้าวอีกครั้ง ด้วยการตกแต่งอย่างพิถีพิถัน และสวยงามมาก
ได้ที่นั่งปุ๊บ หามุมถ่ายรูปปั๊บค่ะ อย่ารอช้า ^^
ไม่นานอาหารก็พร้อมให้รับประทาน
พิซซ่าฮาวาเอี้ยน
ชีสยืด….. แป้งหนานุ่ม รสชาติกลมกล่อม ถาดนี้ราคา 240 บาท สามารถเลือกแป้ง บาง หรือ หนา ก็ได้ค่ะ
ไก่ราวีกับไก่รีว่า
เมนูนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูซิกเนเจอร์ของร้านค่ะ ไก่ทอด 2 สูตรในจานเดียว มีทั้งแบบหวานและเผ็ด กรอบนอกนุ่มในราดซอสรสชาติเข้มข้น จานนี้ราคา 120 บาท
ยำหมูยออุบล+ไส้กรอก+ไข่แดง
คือดีงามมาก รสชาติแซ่บกำลังดี เครื่องทุกอย่างเข้ากันอย่างลงตัวสุด ราคาเพียง 180 บาท จานเบอเร่อ!!
สปาเก็ตตี้ซอสเพสโต้ กุ้งสด
บอกก่อนเลยว่ากุ้งสดจริง!! เนื้อกุ้งเด้งหนึบหนับตัวโต เส้นสปาเก็ตตี้เหนียวนุ่มกำลังดี ซอสเพสโต้คือกลมกล่อมดีมาก จานนี้ราคา 130 บาท
ชานมไต้หวัน
ใครที่ชอบชานมไข่มุก ห้ามพลาดเด็ดขาด!! คือดีอะ ชานมไต้หวันที่ไม่ต้องไปถึงไต้หวัน หอมมาก รสชาติหวานมันกำลังดี คือไม่เข้มจนเกินไป ไข่มุกเม็ดเล็กๆสูตรพิเศษหนึบๆเพลินมาก
มัทฉะ เปรสโซ่
เป็นการผสมผสานระหว่าง ชาเขียว(มัทฉะ) และ กาแฟ(เอสเปรสโซ่) ทั้งสองอย่างเชื่อมผสานเข้ากันได้อย่างลงตัวด้วยนมและความหวานเล็กน้อย แก้วนี้ดีสำหรับทั้งคอกาแฟและคอชาเขียว
การ์เด้นพีช
หอมกลิ่นพีชอ่อนๆ รสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น แถมยังสามารถตัดเลี่ยนหลังรับประทานอาหารได้ดีอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีเมนูเบเกอรี่ให้เลือกรับประทานด้วยนะคะ
ตอนนี้ทางร้านยังมีอีกโซนที่นั่งที่เพิ่งเปิดให้บริการเป็นอาคารหลังเล็กอีกหลังหนึ่ง อยู่ใกล้ๆกันนั่นเลยค่ะ
มีความร่มรื่น สบายๆ ลมพัดเย็นๆ
ภายในตกแต่งตามสไตล์วินเทจยุโรป ข้าวของเครื่องใช้ที่ตกแต่งอยู่ล้วนแล้วมีความงดงามและดูเข้ากับบรรยากาศของห้องนี้ที่สุด
ประดับประดาด้วยต้นไม้เล็กๆ มีต้นไม้ต้นใหญ่อยู่ภายในที่ทางร้านไม่ได้ตัดทิ้ง แต่รักษาเอาไว้เพื่อความร่มรื่น
โคมไฟและดวงไฟต่างๆเพิ่มความรู้สึกอบอุ่น และโรแมนติก
เอาเป็นว่า เป็นร้านที่ควรมาอย่างยิ่งค่ะ บรรยากาศดี อาหารอร่อย พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใสพูดจาไพเราะด้วยสำเนียงคนกาญจนบุรีแท้ๆ น่ารักมาก ^_^
ทางร้านให้บริการอาหารหลากหลายเมนู ทั้ง เครื่องดื่ม ของทานเล่น เบเกอรี่ อาหารจานเดียว อาหารคาว กับข้าว …. ทั้งไทยและเทศ เยอะมากจริงๆค่ะ ที่สำคัญอร่อยมากด้วย
RAVI RIVA CAFE
ที่อยู่ : 87/2 หมู่ 2 ท่าแค ซอย 3 ต.วังศาลา อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี 71110
เวลาให้บริการ : 10.00 – 20.00 น.
โทรศัพท์ : 090-909-8950
Facebook : RAVI RIVA
น้ำตกเอราวัณ
จากนั้นเราไปต่อกันที่ น้ำตกเอราวัณ “อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 500 เมตร มีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 100 – 400 เมตร แบ่งเป็นชั้นต่างๆ 7 ชั้น มีระยะทางจากชั้นล่างสุดขึ้นไปชั้นบนสุด 1500 เมตร ลำน้ำเมื่อตกลงมาแล้วจะไหลลงสู่แม่น้ำแควใหญ่บริเวณที่ทำการอุทยาน เดิมน้ำตกนี้ชาวบ้านเรียกว่า น้ำตกสะด่องม่องลาย อันเป็นชื่อลำห้วยม่องลายที่เป็นต้นน้ำ โดยบริเวณน้ำตกจะมีน้ำตลอดปี แต่จะมีน้ำน้อยในช่วงฤดูแล้งราวเดือนธันวาคมถึงเมษายน”
น้ำตกเอราวัณมีลักษณะที่โดดเด่นกว่าน้ำตกอื่นๆคือเป็นน้ำตกบนเทือกเขาหินปูน ทำให้น้ำมีสีฟ้าอมเขียวเมื่อสะท้อนแสงอาทิตย์ สวยมาก
น้ำตกเอราวัณมี 7 ชั้น ดังนี้ ชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง / ชั้นที่ 2 วังมัจฉา / ชั้นที่ 3 ผาน้ำตก / ชั้นที่ 4 อกนางผีเสื้อ / ชั้นที่ 5 เบื่อไม่ลง ชั้นที่ 6 ดงพฤกษา / ชั้นที่ 7 ภูผาเอราวัณ
บริเวณน้ำตกชั้นที่ 1 – 4 จะมีปลาพลวง แหวกว่ายอยู่เยอะมาก
เราเดินไปถึงแค่ชั้น 2 ก็จอดแล้ว เพราะเมื่อถึงชั้น 2 เวลาก็ล่วงเลยไป 15.30 น. แล้ว ที่นี่เปิดให้เข้าตั้งแต่เวลา 07.30 – 16.00 น. ส่วนชั้นที่ 1 และ 2 เปิดให้เล่นได้ถึง 17.00 น. ค่ะ จึงลงเล่นน้ำเย็นๆสนุกสนานกันอยู่ที่นี่ยาวเลย
One Tea Coffee&Bakery
เล่นน้ำตกจนหนำใจแล้วเดินทางกลับเข้ามาในเมือง เพื่อไปฝากท้องมื้อเย็นกันที่ร้าน One Tea Coffee&Bakery กันต่อค่ะ
มีให้บริการทั้งเมนูอาหารคาวหวานและเครื่องดื่ม
ภายในร้านตกแต่งสไตล์ Garden เต็มไปด้วยต้นไม้ดอกไม้ และมุมให้ถ่ายรูปต่างๆเยอะมาก แต่ละมุมก็สวยงามมากไม่แพ้ที่อื่นๆเลย โดยใช้พื้นที่จำกัดได้อย่างคุ้มค่า
มองไปทางไหนก็ดูสวย ดูเพลินตาไปหมดค่ะ เป็นการตกแต่งที่ทำให้ได้บรรยากาศเหมือนมาพักผ่อนด้วย
ยิ่งยามค่ำยืน เริ่มเปิดไฟ ทำให้ความโรแมนติกอบอวลเพิ่มขึ้นมา และทำให้มุมต่างๆดูสวยขึ้นมากเลยล่ะค่ะ
กะเพราเนื้อ+ไข่ดาว
จานนี้ให้ผู้ร่วมทริปทานค่ะ เพราะเราไม่ทานเนื้อ คำชมที่ได้ยินคือ แซ่บดี เนื้ออร่อย รสชาติกลมกล่อม ข้าวนุ่ม ทุกอย่างลงตัว จนต้องขอห่อกลับไปด้วย ^^ ราคา 129 บาท
กะเพราถาดยักษ์
ขนาดใหญ่เว่อวังอลังการมากค่ะ ในถาดประกอบไปด้วย กะเพราหมูสับ + ไข่ดาว 1 ฟอง + หมูแดดเดียวทอด + ปีกไก่ทอดเกลือ 3 ปีก อัดแน่นจัดเต็ม และอร่อยมาก! มีน้ำปลาพริกและซอสพริกเสิร์ฟมาพร้อมกันด้วย เมนูนี้ทานได้ 2-3 คนเลยนะคะ ราคา 189 บาท
ข้าวหม่าล่าหมูสามชั้น
จานนี้เด็ดดวงสำหรับคนที่ชอบทานหม่าล่าซึ่งเป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่ง มีกลิ่นหอมขึ้นจมูก เผ็ดร้อนเล็กน้อย ผัดหมูสามชั้นและผักต่างๆเข้ากับหม่าล่าอย่างดี รสเลิศมาก ราคา 89 บาท
ยำขนมจีบปู
เอาจริงๆไม่เคยเห็นเมนูนี้ที่ร้านไหนมาก่อน แต่พอได้ลองชิมแล้ว เข้ากันดีมาก ทางร้านทำน้ำยำได้แซ่บถึงเครื่อง เปรี้ยว เผ็ด กลมกล่อมดีมาก แป๊บเดียวเกลี้ยงกริ๊บ ราคา 89 บาท
ฮอลมิ้นต์
เครื่องดื่มสีเขียวอมฟ้า เป็นเครื่องดื่มโซดาที่ใช้ไซรัปมิ้นต์และใส่ลูกอมฮอลล์สีชมพูลงไป หอม สดชื่นมาก
นมถั่วปั่น
ได้รสเข้มข้นของถั่วหลากชนิด หวานน้อย ออกมันๆจากถั่วหน่อยๆ อร่อยมากเลย
สตรอว์เบอร์รีโยเกิร์ต
เป็นการผสมระหว่างโยเกิร์ตและสตรอว์เบอร์รีแช่แข็ง ได้รสชาติหวานอมเปรี้ยวนิดๆ มีซอสสตรอว์เบอร์รี และตกแต่งมาด้วยเบอร์รีต่างๆอีกแบบจัดเต็ม
โรตีกล้วยหอมคาราเมล
ตบท้ายด้วยของหวาน ของถนัดของสายหวาน โรตีพองๆกรอบๆ วางทับมาด้วยไอศกรีมวานิลลา และวิปครีมก้อนใหญ่ รายรอบด้วยกล้วยหอม และซอสคาราเมลชุ่มๆ เอ้า! ยังไม่หมด โรยอัลม่อนสไลด์และน้ำตาลไอซิ่งบางๆมาด้วย หูย….. แค่เห็นหน้าตาเมนูนี้ก็น้ำลายไหลแย่แล้ว ยิ่งได้ทานก็ยิ่งฟินมาก… ห้ามพลาดนะคะ แนะนำเลย!
One Tea Coffee
ที่อยู่ : 173 2-4 ถนน อู่ทอง ต.บ้านใต้ อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี 71000
เวลาให้บริการ : 08.30 – 20.00 น.
โทรศัพท์ : 086-617-7214
Facebook : One Tea Coffee
.
Lake Heaven Resort
วันนี้เช็คเอาท์สายๆจากในเมืองขับรถขึ้นไปยังเขื่อนศรีนครินทร์ เพื่อเข้าเช็คอินที่พักที่สนุกสุดยอดของทริปนี้นั่นก็คือ Lake Heaven Resort เป็นรีสอร์ทที่ให้บริการที่พักบนแพในน้ำสไตล์มัลดีฟแห่งแรกในประเทศไทย มีให้เลือกพักทั้งแบบส่วนตัว แบบคู่รัก แบบครอบครัวและเพื่อนฝูง อยู่ท่ามกลางขุนเขาและต้นไม้อันชอุ่มชุ่มชื่น มีเครื่องเล่นทางน้ำหรือเรียกว่า Water Park ให้สามารถเล่นกันได้อย่างสนุกสุดเหวี่ยงกันไปเลย นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหารอยู่ภายในให้บริการอาหารอร่อยๆทุกวัน เรียกได้ว่ามาที่เดียวเอาอยู่จริงๆ
นอกจากที่พักบนแพในน้ำแล้ว ทางรีสอร์ทยังมีที่พักบนฝั่งอีกหลายสิบหลังไว้คอยให้บริการ โดยทางเดินไปยังบ้านแต่ละหลังจะเป็นสะพานไม้ทอดยาวเชื่อมกันทุกหลัง มีต้นไม้น้อยใหญ่รายล้อมอยู่ทั่วไปหมด อีกทั้งยังมีสระว่ายน้ำให้ลงเล่นกันอย่างสนุกสนานได้อีกด้วย
ห้องพักบนบกจะมี 2 แบบ คือ
1. บ้านพักราชพฤกษ์ (ทรงกลม) พักได้ 2 ท่าน
ราคา 3,000 บาท เสริมได้ 1 ท่าน
มีจำนวน 22 หลัง
พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก
2. บ้านพักราชาวดี (ทรงเหลี่ยม) พักได้ 2 ท่าน
ราคา 3,000 บาท เสริมได้ 1 ท่าน
มีจำนวน 50 หลัง
พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก
บนฝั่ง จะมีสระว่ายน้ำให้ลงเล่นกันได้ด้วย
แต่ถ้าจะจองเป็นแพ็คเกจแบบรวมเครื่องเล่นรวมอาหารด้วย ก็มีราคาดีๆอยู่ที่ เริ่มต้น 1,300 บาท/ท่าน สำหรับบ้านพักบนบก และราคา 1,600บาท/ท่าน สำหรับบ้านพักบนแพในน้ำ (ไม่รวมวันเสาร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
ราคานี้รวมอะไรบ้าง
– บ้านพักบนฝั่ง
– อาหาร 3 มื้อ (กลางวัน และเย็น เป็นอาหารเซ็ต + เช้า แบบบุฟเฟ่ต์)
– ล่องแพเปียกหลากสี
– สไลเดอร์สูง 15 เมตร
– Water Park เครื่องเล่นในน้ำอีกมากมาย
ที่พักบนแพในน้ำ
– แพดาหลา พักได้ 2 ท่าน
ราคา 3,500 บาท เสริมได้ 1 ท่าน
– แพเบญจมาศ พักได้ 12 ท่าน
ราคา 18,000 บาท เสริมได้ 6 ท่าน
มี 6 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ
– แพแก้วเจ้าจอม แพ 2 ชั้น พักได้ 20 ท่าน
ราคา 30,000 บาท เสริมได้ 10 ท่าน
มี 10 ห้องนอน 10 ห้องน้ำ
หรือจองแบบแพ็คเกจ เริ่มต้นที่ 1,600 บาท/ท่าน (ไม่รวมวันเสาร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
สำหรับการขึ้นลงระหว่างบนฝั่ง และแพในน้ำ จะมีรถคอยให้บริการรับส่งแบบนี้ค่ะ มีให้บริการตั้งแต่เวลา 07.00 – 22.00 น. ออกทุกๆ 20 นาทีนะคะ
สำหรับท่านใดที่พักบนแพในน้ำ หรือต้องการติดต่อเรื่องกิจกรรม เครื่องเล่นทางน้ำ รวมไปถึงอาหาร สามารถติดต่อที่จุดบริการตรงนี้ค่ะ
มี Welcome Drink หวานเย็นชื่นใจ
เนื่องจากจองล่วงหน้าแค่ไม่กี่วัน ที่พักบนแพในน้ำเต็มหมดแล้ว จึงได้ห้องพักบนบกมาค่ะ
แบบแพ็คเกจ รวมอาหาร 3 มื้อ เริ่มกันที่มื้อกลางวัน เป็นอาหารแบบเซ็ต รสชาติอร่อยเลิศเลยล่ะค่ะ
ถ้าหากว่าใครไม่ได้จองแบบแพ็คเกจรวมกิจกรรมมา ก็สามารถติดต่อใช้บริการ โดยมีค่าบริการสำหรับกิจกรรมต่างๆตามนี้
อย่าลืมอ่านและทำตาม ข้อปฏิบัติในการเล่นน้ำ ด้วยนะคะ
ทุกครั้งที่จะลงเล่นเครื่องเล่นหรือกิจกรรมต่างๆทางนำ จะต้องสวมใส่ริสแบนด์ที่ได้รับมาตั้งแต่ตอนเช็คอินทุกครั้ง มิฉะนั้นเจ้าหน้าที่จะไม่ให้ลงเล่นะจ๊ะ
เดินกันมาที่จุดให้บริการเสื้อชูชีพ ไม่ว่าจะว่ายน้ำเป็นหรือไม่เป็น ทุกคนจะต้องมีเสื้อชูชีพเหมือนกันค่ะ จุดนี้ให้บริการในเวลา 08.00 – 18.00 น.
ช่วงเย็นๆ ออกล่องแพเปียกหลากสีกันต่อ สนุกเร้าใจตรงที่เรือลากเปิดเพลงตื๊ดให้เต้นกันได้นี่แหละ ระหว่างทางที่เรือลากแพออกไปจะมีเจ้าหน้าที่ของรีสอร์ทคอยขับเจ็ทสกีตามดูความปลอดภัย และคอยขับเจ็ทสกีแฉลบน้ำกระจายใส่กันสนุกสนานนี่แหละค่ะ 55555
เมื่อออกไปช่วงกลางๆเขื่อน เรือจะจอดให้กระโดดลงเล่นน้ำกันได้ด้วยนะ มาถึงตรงนี้เราวางกล้องฝากไว้ในเรือแล้วกระโดดลงไปเล่นด้วยเลย ใครจะอดใจไหว!!
เหนื่อยมาก แต่ก็สนุกมากเช่นกัน กลับเข้ามาถึงสักพัก ได้เวลาอาหารเย็น เป็นเซ็ตเช่นเดิม รสชาติดีงามเช่นเคย แถมได้บรรยากาศโรแมนติกๆ ลมเย็นๆ มีแสงไฟระเรื่อๆจากห้องพักบนแพด้วย
ยามเช้า จะมีการนิมนต์พระลงมาบนแพ ให้ทุกคนได้ร่วมกันใส่บาตรกันด้วยค่ะ ชุดอาหารใส่บาตรนั้นทางรีสอร์ทมีเตรียมไว้จำหน่ายให้แล้ว
และได้เวลาอาหารเช้า แบบบุฟเฟ่ต์ อาหารมีให้เลือกทานเยอะมาก เช่น ข้าวต้ม ข้าวผัด ข้าวสวย ก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง สลัดผัก ผลไม้
สายๆก็ได้เวลาสนุกกับเครื่องเล่นทางน้ำกันอีกรอบก่อนกลับ แดดแรงแค่ไหนก็ไม่ใช่อุปสรรค นาทีนี้ขอสนุกไว้ก่อน เย่!!! แดดจ้าแค่ไหนเราไม่กลัว ลงน้ำก็เย็นแล้ว 5555
มันมาก!!! จะอยู่เล่นกี่ชั่วโมงก็ได้ คือสนุกเพลินจนลืมดูเวลาไปเลย โดยเฉพาะสไลเดอร์นี่กรี๊ดสนั่นมาก
หลังจากเช็เอ๊าท์ เดินทางกลับ ระหวางทางได้เจอกับพี่ช้างป่า ตัวใหญ่มาก!!!! เท่ารถสิบล้อเห็นจะได้ คือตัวใหญ่กว่าบรรดาช้างเลี้ยงที่เคยเห็นมา แล้วนี่คือครั้งแรกของสองคนเราที่ได้เห็นช้างป่าในระยะที่ใกล้มากๆขนาดนี้ ตอนแรกก็ตกใจ ตะลึง ผสมตื่นเต้น แต่เราก็พอจะเคยได้ยินได้ทราบมาบ้างว่าควรอยู่ให้ห่าง ดับรถ ห้ามมีการเคลื่นไหว เพราะพี่เขาจะวิ่งได้เร็วมากถ้าหากเขาตกใจ เราๆนี่แหละอาจจะได้รับอันตราย .. หยุดรอกันพักใหญ่ จนพี่เขาเดินเข้าป่าข้างทางไป ก็สามารถขับรถกันต่อได้อย่างปกติ
Waiting for a name Coffee&Café
ก่อนกลับ ระหว่างทางอำเภอบ้านม่วงเรามาแวะกันอีกที่ค่ะ โรงเกลือท่าม่วงนั่นเอง เดินซื้อของใช้ส่วนตัวและหาของทานเล่นนิดหน่อย จากนั้นเดินไปยังร้าน Waiting for a name Coffee&Cafe อยู่บริเวณทางเข้าตลาดโรงเกลือท่าม่วงนั่นเลยค่ะ
ร้านนี้คาเฟ่สไตล์ลอฟท์ (Modern Loft with nature) ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้สีเขียวน้อยใหญ่มากมายกระจายอยู่ทั่วร้าน ดูเรียบง่ายแต่แฝงความชิคเอาไว้ดึงดูดสายตา
ภายในร้านมีการตกแต่งอย่างพิถีพิถันจากการใส่ใจของเจ้าของร้าน มีมุมให้ถ่ายรูปเก๋ๆเยอะมาก แม้แต่โต๊ะ เก้าอี้ ก็ยังมีการผสมสไตล์หลากหลายให้ดูไม่น่าเบื่อ แค่นั่งต่างมุมก็ได้อารมณ์รูปถ่ายที่แตกต่างแล้ว
มี “ไอ้จุด” หรือ I-Jud ซึ่งเป็นผลงานของ คุณติ้ว (คุณวศินบุรี สุพานิชวรภาชน์) ศิลปินรางวัลศิลปาธรปี 2553 ทายาทรุ่นที่ 3 ของเถ้าฮงไถ่ โรงงานโอ่งแห่งแรกของราชบุรี เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมิตรและน่ารักน่าเอ็นดู
นอกจากที่นั่งภายในร้านซึ่งเป็นห้องแอร์เย็นๆแล้ว ยังมีที่นั่งด้านนอกอยู่ข้างๆร้านให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางต้นไม้นานาชนิดอีกด้วย รับรองว่าผ่อนคลายสุดๆแน่นอน
ใครที่มีโอกาสได้มาเดินจับจ่ายซื้อของกันที่ตลาดโรงเกลือ ท่าม่วง หรือผ่านไปผ่านมาแถวอำเภอท่าม่วง อย่าลืมปักหมุดร้านนี้ เข้าไปนั่งดื่มเครื่องดื่มเย็นๆให้ชื่นใจกันด้วยนะคะ เจ้าของร้านน่ารัก เป็นกันเองมากค่ะ ^^
สามารถชมภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ : https://gowithampth.com/waiting-for-a-name-coffeecafe/
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ พบกันใหม่ทริปหน้าค่ะ หรือถ้าต้องการดูทริปอื่นๆสามารถกดเข้าดูในเว็บไซต์ www.gowithampth.com เว็บนี้ได้เลยนะคะ ^^