อุทัยธานี เที่ยวใกล้เมือง 2 วัน
อุทัยธานี เที่ยวใกล้เมือง 2 วัน
จังหวัดอุทัยธานี เป็นเมืองรองอีกจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมาก แต่ละที่นั้นก็มีเสน่ห์ มีความสวยงามมากเช่นกัน แต่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก ซึ่งเมื่อลองหาข้อมูลดูแล้วน่าไปหลายแห่งจริงๆค่ะ แต่เนื่องจากว่าสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งอยู่ค่อนข้างไกลออกไป และกระจายอยู่ตามอำเภอต่างๆ ถ้าหากจะเก็บที่สวยๆให้ได้หลายๆที่ก็อาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 3 วัน 2 คืน สำหรับทริปนี้มีเวลาช่วงวันหยุด 2 วัน จึงเลือกพิกัดที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก และทำเวลาได้ตามที่วางเอาไว้ โดยมีจุดมุ่งหมายตามนี้ค่ะ
– ยอดเขาสะแกกรัง วัดสังกัสรัตนคีรี
– บ้านไร่ปลายนา
– ร้านบ้านเลขที่7
– บ้านชายเขา สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย
– หุบป่าตาด
– บ้านระเบียงดาว
– ถนนคนเดินตรอกโรงยา
– iam Cafe
– วัดจันทาราม (วัดท่าซุง)
ยอดเขาสะแกกรัง
เขาสะแกกรัง เป็นภูเขาที่ตั้งกั้นเมืองอุทัยอยู่ทางทิศตะวันตกก่อนที่จะเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และเป็นที่ตั้งของวัดสังกัสรัตนคีรี สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2443 ชาวอุทัยยกให้ยอดเขาสะแกกรังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ภายในวัดมีพระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของเมือง อุทัยธานีมาตั้งแต่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ทางขึ้นสู่ยอดเขาสะแกกรังขึ้นไปได้สองทาง คือทางรถยนต์ โดยขึ้นทางด้านข้างสนามกีฬาจังหวัด และอีกทางจะมีบันได 449 ขั้น ขึ้นสู่ยอดเขาสะแกกรัง
ยอดเขานั้นบนเขาสะแกกรังมีศาสนสถานที่สำคัญหลายแห่งคือพระมณฑปทรงไทยสวยงามมีนามว่า สิริมหามายากุฎาคาร ซึ่งที่บนนี้เขาเปรียบให้เป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปเทศนา โปรดพระพุทธมารดาบน สรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แล้วเสด็จกลับสู่โลกมนุษย์ ซึ่งตามพุทธประวัติกล่าวว่าพระพุทธเจ้าเสด็จลงมาที่เมือง กัสนคร และกลายมาเป็นชื่อวัดสังกัสรัตนคีรี
มีศาสนสถานที่ให้เข้าไปไหว้พระทำบุญหลายแห่ง ทั้งวิหารพระพุทธรูปสำคัญ วิหารพระบรมสารีริกธาตุ ศาลเจ้าจีน นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง ซึ่งย้ายมาจากวัดจันทาราม สร้างเมื่อ พ.ศ. 2448
จากยอดเขาสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองอุทัยธานีได้กว้างขวาง มีจุดนั่งพักผ่อนชมวิวหลายจุด และบางจุดเป็นที่อาศัยของกระรอกจำนวนมาก
มีจุดจำหน่ายเครื่องราง พระต่างๆ รวมไปถึงของกิน ของฝากมากมาย
ยอดเขาสะแกกรังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และวัดสังกัสรัตนคีรีเป็นวัดสำคัญ ในวันแรม 1 ค่ำเดือน 11 (ตุลาคม) ของทุกปี ชาวอุทัยธานีจะจัดงานประเพณี ตักบาตรเทโว โดยจะจัดงานจำลองเหตุการณ์คล้ายในพุทธประวัติ มีพระสงฆ์ ทุกรูปที่จำพรรษาอยู่ในอำเภอเมืองอุทัยเดินลงจากยอดเขาสะแกกรังทางบันได
บ้านไร่ปลายนา
เป็นคาเฟ่กลางทุ่งนาอีกแห่งหนึ่งที่มีเสน่ห์และความงดงามมาก เรียกว่าโดนใจวัยรุ่นและนักท่องเที่ยวที่รักความเป็นธรรมชาติและชอบถ่ายรูปแบบคูลๆไม่น้อยเลยล่ะค่ะ
จากทางเข้าหน้าร้านด้าน ซ้ายจะเป็นลานจอดรถกว้างๆ เดินมายังตัวร้าน หลังใหญ่จะเป็นบริเวณเคาน์เตอร์สำหรับออเดอร์อาหารและเครื่องดื่มค่ะ มีที่นั่งแบบเบาะวางกับพื้น และแบบนั่งห้อยขาเก๋ๆ ข้างๆนั้นจะมีแคร่ไม้ นั่งรอนั่งเล่นหรือนั่งทานอาหารได้หมด ส่วนด้านหลังจะเป็นซุ้มครัว และมีที่นั่งสำหรับทานอาหารอยู่ด้วย
เดินเข้าไปอีกหน่อย จะได้พบกับสะพานไม้ พี่สามารถเดินเข้าไปยังทุ่งนาและซุ้มนั่งต่างๆที่อยู่กลางทุ่งนา
มีมุมถ่ายรูปค่อนข้างเยอะ แบบที่ดูเหมือนอยู่กลางผืนนาเลยก็มี
สีจะเป็นเก้าอี้ไม้ไผ่ที่อยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ดอกหญ้าตรงนี้ก็สวยไม่น้อย
ร้านบ้านเลขที่ 7
มาต่อที่ร้านอาหารสำหรับมื้อกลางวันนี้ค่ะ ร้านบ้านเลขที่ 7 ชื่อร้านฟังดูเก๋ดี บรรยากาศดีจริงๆยิ่งดูดีมากขึ้นกว่าเดิมอีก พื้นที่รอบๆร้านกว้างมาก เต็มไปด้วยสนามหญ้าและมีต้นไม้อีกหลายต้นดูเขียวชะอุ่มชุ่มชื่น
บริเวณหน้าร้านนอกจากต้นไม้แล้วยังมีน้ำพุสีขาว เก้าอี้ และโต๊ะ ที่สามารถออกมานั่งรับลมดื่มด่ำกับบรรยากาศภายนอกแบบชิลๆได้
ภายในร้านผนังสีขาวและกระจกโปร่งแสง โต๊ะเก้าอี้ที่ใช้ ทำจากไม้และโครงเหล็กสีดำ ทำให้บรรยากาศของร้านดูโปร่งสบายน่านั่ง
เมนูหลักๆของร้านจะเป็นอาหารไทย อาหารทะเล ส้มตำ ของหวาน และเครื่องดื่มที่มีให้เลือกทานเยอะมาก มาเปิดเมนูดูราคาแล้วต้องขอบอกว่าราคาไม่แพงนะอุทัยธานีเป็นจังหวัดที่อยู่ไม่ใกล้ทะเล แต่ที่นี่มีอาหารทะเลจำหน่ายแล้วราคาไม่แพงด้วย ทางร้านบอกว่าสั่งซื้อวันต่อวันและซื้อในจำนวนที่ไม่มากถ้าวัตถุดิบใหม่หมดแล้วก็คือหมดเลย
อาหารแต่ละเมนูถึงเครื่องได้รสชาติที่เรียกว่าแซ่บจริงอร่อยจริง และต้องบอกก่อนว่าถ้าใครไม่ชอบทานรสจัดสามารถบอกทางร้านได้นะคะ มาชมเมนูตัวอย่างกันค่ะ
ทะเลกระทะร้อน
เปิดเมนูแรกก็ร้องว้าวเลย เป็นการผัดเครื่องแกงรวมทั้ง กุ้ง หอย ปู และปลาหมึก พร้อมด้วยข้าวโพดหวาน โรยด้วยใบโหระพา กลิ่นหอมหวลฟุ้งไปทั่ว ทางร้านจะเสิร์ฟโดยนำกระทะร้อนวางบนโต๊ะก่อน แล้วนำผัดทะเลที่ผัดมาใหม่ๆใส่ลงบนกระทะร้อนฉ่า รสชาติเข้มข้นและเนื้อของอาหารทะเลเรียกว่าสดใหม่จริงๆค่ะ
ยำหมูยอกุ้งสด
จานนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบรสชาติของน้ำปลาร้า และรสชาติน้ำยำแบบซี๊ดซ๊าดถึงใจ แซ่บและนัวมาก หมูยอเนื้อแน่น กุ้งสดจริง ใส่ทั้งหอมแดงซอยผักชีลาวซอยพริกขี้หนูตำละเอียด แล้วปรุงรสด้วยน้ำปลาร้าและอื่นๆ
หมูสามชั้นทอดน้ำปลา
หมูสามชั้นทอดน้ำปลากับน้ำจิ้มแจ่ว ตั้งชื่อเมนูอาจจะดูธรรมดาแต่รสชาติไม่ธรรมดานะคะบอกเลย จานนี้อร่อยมาก น้ำจิ้มแจ่วก็อร่อย ทานกับข้าวสวยร้อนๆมีเท่าไหร่ก็ทานหมดเท่านั้นแหละ
ต้มยำทะเลหม้อไฟ
ถึงรสถึงชาติต้มยำมาก ใส่กุ้งหอยปูปลามาแบบไม่ยั้ง กลิ่นหอมเครื่องพริกแกงส้ม เตะจมูกตั้งแต่ยกมาเสิร์ฟ
สตรอว์เบอร์รีสมูทตี้
เมนูนี้น่ารักมาก นมปั่นและสตอว์เบอร์รี่สีสันตัดกันอยู่ในแก้ว มีวิปครีมอยู่ด้านบน ตกแต่งด้วยก้อนขนมปังกรอบเคลือบช็อคโกแลตรสสตอว์เบอร์รี่ และผลสตอว์เบอร์รี่แช่แข็ง รสชาติหอมหวานอร่อยถูกใจสายหวานมากค่ะ
ลิ้นจี่โซดา
ใช้ไซรัปรสลิ้นจี่ เทเข้าไปในก้นแก้ว แล้วเทโซดาเข้าไปต่อ ใส่เนื้อลิ้นจี่ เพิ่มอรรถรสในการดื่มและเป็นการตกแต่งไปในตัว ก่อนดื่มก็คนให้ไซรัปเข้ากันกับโซดาเพื่อให้ได้รสชาติที่ดียิ่งขึ้น
บิงซูสตรอว์เบอร์รี
บิงซูเนื้อเนียนละเอียด ราดมาด้วยซอสสตรอว์เบอร์รีที่มีเนื้อสตรอว์เบอร์รีผสมอยู่ โต๊ะทับด้วยวิปครีม เปิดมาพร้อมกับนมข้นหวาน ก่อนทานราดนมข้นหวานลงบนบิงซูให้ทั่ว รสชาติหวานอมเปรี้ยวนิดๆอร่อยกำลังดีเลยค่ะ
โรตีราดนมและช็อกโกแลต
เมนูโรตีถือเป็นอีกหนึ่งเมนูของหวานที่แนะนำให้ทานค่ะ เพราะแป้งโรตีเหนียวนุ่มกรอบหน่อยๆ เมื่อราดด้วยนมข้น หรือซอสช็อกโกแลต และวิปครีม จะยิ่งทำให้โรตีอร่อยมาก อร่อยมากจริงๆนะ
ที่ร้านบ้านเลขที่ 7 นอกจากจะเป็นร้านอาหารแล้ว ยังมีโซนที่เป็น ที่พัก อยู่ถัดไปจากร้านอาหารอีกด้วยค่ะ ที่พักจะเป็นบ้านหลังๆแบบส่วนตัว พอดีว่าวันที่เราเดินทางไปนั้นที่พักเต็ม จึงยังไม่ได้มีโอกาสเข้าพักและยังไม่ได้เห็นภายในบ้านพักว่าเป็นยังไงนะคะ
ที่อยู่: 3013 ตำบล หนองยายดา อำเภอ ทัพทัน อุทัยธานี 61120
โทรศัพท์: 088-272-7597
เวลาให้บริการ: 09.00 – 22.00 น.
Facebook: https://web.facebook.com/banlektee7
บ้านชายเขา สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย
ขับรถไปต่อกันที่บ้านชายเขา ว่ากันว่าที่นี่บรรยากาศดีเรากับสวิตเซอร์แลนด์ ก็เลยถูกขนานนามว่าเป็นบ้านชายเขาสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทยนั่นเองค่ะ บรรยากาศที่ห้อมล้อมไปด้วยภูเขารอบด้านและเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่สีเขียวอยู่ทั่วไปหมดเลย
อยู่ที่อำเภอลานสัก ซึ่งห่างจากสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตอย่างหุบป่าตาด เพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้นเอง ภูเขาที่เห็นรายรอบอยู่นั้นเขาปลาร้า หุบป่าตาด และภูเขาอื่นๆอีกมากมาย นอกจากต้นไม้น้อยใหญ่แล้วก็ยังมีไร่ข้าวโพดและสวนผลไม้ของชาวบ้าน
ช่วงที่ไป มีน้องเหมียวตัวหนึ่งคอยมาต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยการเดิมนมาคลอเคลียบ้าง ล้มตัวลงนอนให้เล่นด้วยบ้าง เดินตามบ้าง เป็นแบบนี้กับแทบทุกคน น้องมีปลอกคอ คาดว่าเป็นแมวของชาวบ้านนั่นแหละค่ะ ^^
เนื่องจากบริเวณนี้มีบรรยากาศที่ดีชาวบ้านบอกว่าถ้ายิ่งเป็นช่วงหน้าหนาวอากาศก็จะยิ่งหนาวเป็นพิเศษ ความสวยแปลกตาที่ดูมีเอกลักษณ์ของแห่งนี้ ชาวบ้านจึงเลือกบริเวณนี้เป็นจุดเช็คอินเล็กๆเพื่อให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว รองรับนักท่องเที่ยวจากที่ต่างๆเข้ามาเช็คอินและถ่ายรูปสวยๆกันกลับไป
มีหอไม้ไผ่ที่สามารถขึ้นไปยืนหรือนั่งอยู่ด้านบนแล้วถ่ายรูปกับบรรยากาศรอบๆด้านได้แบบ 360 องศา
มีร้านค้าให้บริการทั้งอาหารและเครื่องดื่ม มีที่นั่งใต้หลังคามุงจาก ทำให้เข้าถึงบรรยากาศแบบสุดๆไปเลย
หุบป่าตาด
อยู่ที่ตำบลทุ่งนางาม อำเภอลานสัก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติและป่าดึกดำบรรพ์ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัย เพราะเป็นการเดินป่าระยะสั้นๆ เพียง 700 เมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีเท่านั้น แต่กลับได้เห็นสิ่งต่างๆมากมายอยู่ในเส้นทางนี้
“หุบป่าตาด” ถูกค้นพบโดยพระครูสันติธรรมโกศลจากการปีนลงไปสำรวจภายในถ้ำแล้วพบกับป่าต้นตาดจำนวนมาก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 ท่านจึงได้เจาะถ้ำเพื่อเป็นทางเข้าไปสู่หุบป่าตาดในปี พ.ศ. 2527 และได้ถูกประกาศจากกรมอุทยานแห่งชาติ ให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์ในเวลาต่อมา เนื่องจากมีสภาพทางภูมิศาสตร์ที่แปลกตาด้วยพันธุ์ไม้หายากมากมาย เช่น เต่าร้าง เปล้า คัดค้าวเล็ก ขนุนดิน
ค่าบริการเข้าชม ชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท พร้อมไฟฉาย 1 อัน หรือถ้าไปช่วงที่นักท่องเที่ยวเยอะ ไฟฉายไม่เพียงพอ ก็สามารถใช้โทรศัพท์เปิดโหมดไฟฉายได้เช่นกัน ในช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ บริเวณทางเข้าจะมีบริการมักคุเทศน์น้อยนำทางที่คอยเล่าเรื่องราวของป่าดึกดำบรรพ์แห่งนี้ ซึ่งค่าบริการแล้วแต่จะให้
เส้นทางไปยังหุบป่า มีช่วงที่ต้องใช้แสงไฟฝ่าความมืดเข้าไปภายในถ้ำหินย้อยในระยะสั้นๆ ซึ่งภายในนั้นจะมีค้างคาวอาศัยอยู่ อาจได้กลิ่นมูลค้างคาวเล็กน้อย หรืออาจได้ยินเสียงและได้เห็นค้างคาวบินโฉบผ่านไปมา ไม่ต้องตกใจนะคะ เดินผ่านช่วงมืดอกมาจนได้พบกับแสงสว่างอีกครั้ง เหมือนเดินผ่านมิติเวลา หรือผ่านประตูเข้ามายังดินแดนยุคไดโนเสาร์ล้านปีกันเลยทีเดียว
ในป่าดึกดำบรรพ์แห่งนี้ เป็นเหมือนป่าดิบชื้นที่เต็มไปด้วยต้นตาดและต้นไม้นานาชนิด มีเสียงนกร้องให้ความรู้สึกสดชื่น สูดอากาศได้อย่างเต็มปอด
มีช่วงที่ดูเหมือนห้องโถงขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นถ้ำปากเปิด และมีกองหินต่างๆ รวมไปถึงหินงอกหินย้อยอีกจำนวนมาก
ติดต่อสอบถาม: ททท. สำนักงานอุทัยธานี โทรศัพท์ 056-514-651-2
บ้านระเบียงดาว
กลับมาเข้าที่พักที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองอุทัยธานีค่ะ ที่นี่คือบ้านระเบียงดาว เพิ่งเปิดมาได้เพียง 3-4 เดือน แต่ทราบมาว่ามีนักท่องเที่ยวจองเข้ามาพักกันอยู่เรื่อยๆทุกวัน ซึ่งวันที่เราไปก็นับว่าโชคดีมากเพราะมี 1 หลังเพิ่งยกเลิกก่อนหน้าที่เราจะติดต่อไปเพียง 1 วันเท่านั้นเอง
และเนื่องจากเพิ่งเปิดได้เพียงไม่กี่เดือนต้นไม้ใบหญ้าจึงยังโตไม่เต็มที่มากนัก แต่ก็ได้เห็นถึงความชอุ่มของธรรมชาติอยู่หลายรอบ
ที่พักจะมีแบบอาคารหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์นที่เน้นใช้ปูนเปลือยโครงเหล็กและกระจกใส ซึ่งมีห้องพักอยู่ภายในอาคารหลังมีทั้งหมด 4 ห้อง โดยแต่ละห้องจะมีชื่ออันแสนไพเราะ ได้แก่ ตะวัน จันทรา ลัคนา ดารา รัศมี คนละห้องจะมีการเพ้นท์รูปที่บ่งบอกถึงชื่อของห้องเอาไว้ด้วย และบางห้องจะมีคำคมเขียนใบที่ผนังห้องด้วย
ด้านล่างจะเป็น ห้องลัคนา
ห้องดารา และห้องรัศมี ทั้งสองห้องนี้อยู่กันได้ห้องละ 3 คน สามารถเพิ่มเตียงได้
ด้านบนคือห้องตะวันและจันทรา เป็นแบบเตียงคู่ สามารถพักได้ห้องละ 2 ท่าน
นอกจากนี้ยังมีแบบบ้านไม้อีก 2 หลังที่อยู่เชื่อมติดกัน แต่ละหลังสามารถพักได้ตั้งแต่ 2-4 คน แต่ละห้องจะมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันอยู่แล้ว พร้อมทั้งเครื่องปรับอากาศให้ความเย็นได้ตลอดการเข้าพัก
นอกจากนี้ ภายในรั้วของระเบียงดาว ยังมีร้านกาแฟอยู่บริเวณหน้าทางเข้าอีกด้วย
ที่อยู่: 25/1 หมู่ 2 ตำบลสะแกกรัง อำเภอเมืองอุทัยธานี อุทัยธานี 61000
โทรศัพท์: 080-085-1100
Facebook: https://web.facebook.com/RabiangdaoUthaiThani
ถนนคนเดินตรอกโรงยา
ตรอกโรงยา ตั้งอยู่ที่ตำบลอุทัยใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี มีลักษณะเป็นชุมชนเก่าแก่ มีเรือนแถวไม้เก่าแก่เป็นเอกลักษณ์ ดั้งเดิมที่นี่เป็นชุมชนของชาวจีน สมัยก่อนนั้นมีการเปิดให้สูบฝิ่นอย่างเสรี ผู้คนมากมายต่างมาที่นี่เพื่อซื้อ-ขายและสูบฝิ่น บรรยากาศคึกคักมาก ชาวบ้านจะเรียกที่นี่กันว่า “ตรอกโรงยา” ต่อมาเมื่อมีการออกกฎหมายว่าฝิ่นเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ผู้คนเริ่มห่างหายจากที่นี่ และกลายเป็นชุมชนที่ซบเซาลงในที่สุด
แต่ด้วยสเน่ห์ของบ้านและบรรยากาศที่ยังมีเอกลักษณ์ ทางหน่วยงานเอกชน พร้อมด้วยหน่วยงานในท้องถิ่น และชาวบ้านในชุมชน จึงได้ร่วมมือกันรื้อฟื้นให้ตรอกโรงยากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ด้วยการเปิดถนนคนเดินในช่วงวันเสาร์
ชาวบ้านต่างรวมตัวกันเปิดบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยว พร้อมกับนำของดีของเด่นดั้งเดิมของชุมชนออกมาจำหน่าย มีทั้งอาหารท้องถิ่น สินค้าพื้นเมือง รวมไปถึงสินค้าแฮนด์เมดจากคนรุ่นใหม่
ที่นี่เปิด เฉพาะ เย็นวันเสาร์ เท่านั้นค่ะ
iam Cafe
ช่วงเช้าหลังจากเช็คเอ๊าท์แล้ว ไปแวะทานก๋วยเตี๋ยว และไปต่อของหวานกันที่ iam Cafe มีโดดเด่นด้วยสไตล์ของร้านที่มีลักษณะเหมือนตู้คอนเทนเนอร์สีน้ำเงิน และมียอดมนุษย์ตัวเท่าคนจริงยืนอยู่หน้าร้านด้วย ซึ่งใครที่มาร้านนี้ก็จะต้องมาถ่ายรูปยอดมนุษย์ตัวนี้ด้วยเช่นกัน
บริเวณหน้าร้านเต็มไปด้วยแคคตัสหรือต้นกระบองเพชรอยู่จิ๋วอยู่เต็มไปหมด มีที่นั่งที่มีลักษณะเป็นบาร์ใช้เก้าอี้เหล็กสีแดงและเก้าอี้ที่ปรับแต่งมาจากถังน้ำมันสังกะสี
ด้านข้างของร้านก็มีที่นั่งเช่นกัน แถมยังเป็นโลเคชั่นให้ถ่ายรูปเก๋ๆได้ อีกทั้งยังมีชื่อร้านอยู่บนผนังสีขาว ซึ่งเป็นผนังที่ก่อด้วยอิฐมอญแดงแล้วทาสีขาวทับ ดูสวยแปลกตาไปอีก
ส่วนด้านในร้าน เน้นใช้โทนสีเข้มอย่างดำและน้ำตาล มีดวงไฟให้ความสว่างแบบสลัวๆ แต่ได้รับแสงสว่างจากธรรมชาติที่ส่องผ่านทะลุกระจกเข้ามาด้วย
ทางร้านให้บริการ ของหวานและเครื่องดื่มเป็นหลักค่ะ ไม่มีอาหาร แต่มีลูกค้าเข้าออกกันอยู่ตลอด
ฮันนี่โทสต์
ขนมปังก้อนใหญ่เลยมาแบบหอมกรุ่นโรยด้วยอัลมอนด์สไลด์ โปะไอศกรีมช็อกโกแลต 1 สกู๊ป แล้วราดด้วยซอสช็อคโกแลต ภายในจานยังมีไอศกรีมวานิลลาอีก 1 สกู๊ป กล้วยหอมหั่นชิ้น 1 ผล ส้มแมนดารินหั่นชิ้น วิปครีม และน้ำผึ้งที่ไว้ใช้สำหรับราดลงบนขนมปังก่อนรับประทาน อร่อยมากค่ะเมนูนี้
วาฟเฟิลไอศกรีม
เนื้อวาฟเฟิลกรอบนอกนิดๆและนุ่มใน รวยอัลมอนด์สไลด์และซอสช็อกโกแลต เสริฟมาพร้อมกับไอศกรีมสตรอว์เบอร์รี กล้วยหอมหั่นชิ้นและวิปครีม เมนูนี้ก็อร่อยไม่แพ้กันค่ะ
ปังปิ้ง+เนยนม
เมนูเบสิค ที่ทานยังไงก็อร่อยอยู่วันยังค่ำ ขนมปังแผ่นหนากว่าท้องตลาดทั่วไปจบแล้วรับด้วยเนยและอัลมอนด์สไลด์ เสิร์ฟมาพร้อมกับนมข้นหวาน
คาราเมล มัคคิอาโต้
หอมกาแฟเบาๆ ได้รสชาติหวานมันจากนมและคาราเมล กลมกล่อมดีค่ะ
สตรอว์เบอร์รีโซดา
ใช้ไซรัปรสสตรอว์เบอร์รีและโซดาซ่าๆ ตกแต่งด้วยลูกเชอร์รี่สีแดงสด หวานกลางๆกำลังดี
ชาเขียวมัทฉะ
ชาเขียวออกเข้มข้นไปหน่อย แต่หอม และได้นมกับความหวานกลางๆเข้าไปผสมจึงทำให้ดื่มได้เรื่อยๆค่ะ
มีโถน้ำเปล่าตั้งไว้ ให้รินดื่มกันเองได้เลย
ที่อยู่: ซอยรักการดี อำเภอเมืองอุทัยธานี อุทัยธานี 61000
โทรศัพท์: 080 966 2328
เวลาให้บริการ: 07.30 – 17.00 น.
Facebook: https://web.facebook.com/iamcafeuthaithani
วัดจันทาราม (วัดท่าซุง)
เป็นวัดที่มีความงดงามและเก่าแก่ของจังหวัดอุทัยธานี สร้างตั้งแต่สมัยโดย หลวงพ่อใหญ่องค์แรก เป็นผู้สร้างวัดแต่วัดเริ่ม พัฒนาและเป็นที่รู้จักเมื่อพระราชมหาวีระ ถาวาโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) พระเถระที่มีชื่อเสียง ได้สร้างอาคารต่าง ๆ มากมาย แต่ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ที่ต่างพากันไปสักการะและชื่นชมความวิจิตรอลังการ นั่นคือ พระวิหารแก้ว 100 เมตร ที่ประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลอง และร่างของหลวงพ่อฤาษีลิงดำที่ไม่เน่าเปื่อย
วิหารแก้ว 100 เมตรนี้ มีเวลาเปิด-ปิด 2 ช่วง คือ
เช้า: เปิด 9.00 – 11.45 น.
บ่าย: เปิด 14.00 – 16.00 น.
ซึ่งวันที่เราไปนั้นเป็นช่วงวันหยุดยาว มีนักท่องเที่ยวไปกันเป็นจำนวนมาก และที่น่าเสียดายคือเมื่อไปถึง เป็นเวลาปิดพอดิบพอดี จึงยังไม่ได้มีโอกาสเข้าไปยังพระวิหารแก้ว 100 ปี ต้องมีกลับไปซ้ำอีกแน่นอนค่ะ
ดังนั้นเราจึงไปกันที่ ปราสาททองคำ (กาญจนาภิเษก) สร้างเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ในวาระที่ทรงเสวยราชย์เป็นปีที่ 50 และทางสำนักพระราชวังได้ให้ชื่อปราสาททองคำใหม่ว่า “ปราสาททองกาญจนาภิเษก” ปราสาททองคำก่อสร้างด้วยการก่ออิฐฉาบปูน ประดับลวดลายไทย ปิดทองคำเปลวรอบปราสาท ติดกระจก เป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่ญาติโยมถวายรอบนอกปราสาท และประดิษฐานสิ่งของสำคัญต่างๆ
และนอกจากนี้ภายในเนื้อที่ของวัดยังมีอาคารและจุดสำคัญๆต่างๆอีกหลายแห่ง ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางมาก ชนิดที่ว่าถ้าหลงกันอาจหากันไม่เจอเลยทีเดียว ดังนั้นควรดูแผนที่ของวัดไว้ด้วยนะคะ
และทริปนี้ต้องขอขอบคุณ Avis Thailand สำหรับรถเช่า ตั้งแต่รับรถที่สุวรรณภูมิ ขับยาวมาจนถึงอุทัยธานี และขับตลอดการเดินทาง ที่นี่เขามีให้บริการรถเช่าที่หลากหลาย ทั้ง บริการรถเช่าแบบขับเอง เช่าแบบพร้อมคนขับ ลีมูซีนพร้อมคนขับ และมีให้บริการมากถึง 29 สาขาทั่วประเทศเลยด้วย