Review,  Trick&Tip

13 ที่เที่ยวสิงคโปร์ ที่ห้ามพลาด

13 ที่เที่ยวสิงคโปร์ ที่ห้ามพลาด

ก่อนถึงวันเดินทาง ต้องหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวว่าอยากไปไหนบ้าง สิงคโปร์มีอะไรให้เที่ยวบ้าง ซึ่งอันที่จริงแล้วสิงคโปร์เป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าไปเยอะแยะไปหมดเลยค่ะ แต่สุดท้ายแล้ว แอมได้รวบรวมข้อมูลและภาพถ่ายตั้งแต่ก่อนไปจนกระทั่งถึงหลังจากที่ไปมาแล้ว คัดเฉพาะที่อยากแนะนำว่าห้ามพลาดจริงๆ เอามารวมกันไว้ที่นี่ค่ะ “13 ที่เที่ยวสิงคโปร์ ที่ห้ามพลาด”

 

1. Garden by the bay

เป็นโครงการพัฒนาต่อเนื่องบริเวณริมอ่าวมาริน่าเบย์ ดำเนินการก่อสร้างโดย Singapore National Park ที่ต้องการรณรงค์เพิ่มพื้นที่สีเขียวและเป็นแหล่งให้ความรู้ทางด้านพฤกษาศาสตร์แก่ประชาชน บนพื้นที่ 1,011,714 ตารางเมตร ภายในสวนได้มีการแบ่งออกเป็นโซนต่างๆให้เที่ยวชมหลายโซนด้วยกัน และในทุกๆวันเวลา 19.45-20.00 น. จะมีการแสดง แสง สี เสียงให้ชมกันฟรีๆด้วย

การเดินทางไปที่ Gardens by the Bay มี 2 วิธี คือ

  1. นั่งรถไฟฟ้า MRT ไปลงที่สถานี Marina Bay แล้วนั่งรถบัสสาย 400 ไปลงที่ประตูทางเข้าหลัก ซึ่งปกติรถบัสนี้จะวิ่งไปสุดที่สถานี Marina Barrage ซึ่งเป็นสถานีสุดท้าย แต่ให้เราลงก่อนสถานีสุดท้าย 1 ป้ายหรือ ถ้าเราจะไปเที่ยวที่ Marina Barrage ก่อน แล้วค่อยเดินย้อนกลับมาที่ Gardens by the bay ก็ไม่ไกลเท่าไหร่
  2. นั่งรถไฟฟ้า MRT ไปลงที่สถานี Bay Front แล้วก็เดินข้ามไปตรง Marina bay sands จากนั้นจะมีสะพานลอยเดินเข้าสวนได้เลยครับ ซึ่งจุดที่เข้าไม่ใช่ประตูทางเข้าหลัก แต่จะเป็นจุดที่เรียกว่า Dragonfly Lake เดินไปอีกนิดก็ถึง Supertree Grove ซึ่งเป็นจุดที่มี Supertree มากที่สุด

 ค่าเข้าชม

– เข้าชมสวน ฟรี

– โดมเรือนกระจก (Flower Dome+Cloud Forest) ผู้ใหญ่ S$28, เด็กต่ำกว่า 12 ปี S$15

– ทางเดินยกระดับ OCBC Skyway ผู้ใหญ่ S$5, เด็กต่ำกว่า 12 ปี S$3

– รถรางทัวร์รอบสวน (Garden Cruiser Trail) ผู้ใหญ่ S$5, เด็กต่ำกว่า 12 ปี S$3

 

2. The Shoppes at Marina Bay Sands

มาริน่าเบย์แซนด์ก็คือตึกเรือใหญ่ๆที่มองเห็นได้จากหลายๆทิศทาง ส่วน The Shoppes at Marina Bay Sands ก็คือโซนห้างสรรพสินค้าที่อยู่ข้างหน้ามาริน่าเบย์แซด์นั่นเองค่ะ ห้างแห่งนี้เป็นห้างหรูหรา มีแบรนด์หรูๆมากมายที่รอให้นักช็อปเข้าไปเลือกซื้อเลือกหากันค่ะ ภายในบริเวณชั้นล่างสุดจะมีร่องน้ำให้บริการนั่งเรือเล่น และในยามค่ำคืนยังสามารถชม Wonder Full – Light & Water Spectacular การแสดงแสงสีเสียงในน้ำสุดอลังการได้ที่บริเวณด้านหน้าห้างแห่งนี้อีกด้วย
เวลาในการแสดง Wonder Full – Light & Water Spectacular
วันอาทิตย์ พฤหัสบดี : 20:00 น., 21:30 น.
วันศุกร์
, เสาร์ : 20:00 น., 21:30 น., 23:00 น.

 

3. Helix Bridge

Helix Bridge หรือสะพานเกลียว อยู่ที่อ่าวมาริน่า เชื่อมต่อระหว่างฝั่ง Marina Center ที่มีชิงช้าสวรรค์ Singapore Flyer กับฝั่ง Marina South ที่มีตึกเรือ Marina Bay Sands และ Garden by the Bay เปิดให้บริการตลอด 24 ชม. บรรยากาศยามค่ำคืนจะงดงามยิ่งกว่ากลางวัน เพราะมีการติดดวงไฟไว้ตลอดทางของสะพาน เป็นแสงสีที่ทำให้สะพานดูงดงามมาก สะพานแห่งนี้มีแนวคิดมามากจากรูปแบบของ DNA  ซึ่งนอกจากความสวยงามแล้วยังช่วยเรื่องการออกแบบโครงสร้างสะพานด้วย สะพานมีความยาวทั้งหมด 280 เมตรด้วยกันค่ะ

 

 

4. Fountain of Wealth

น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง มีขนาดใหญ่มาก สร้างขึ้นตามหลักฮวงจุ้ยที่ดีที่สุด ในปี 1995 พร้อมกับตึก Suntec City ที่ตั้งของน้ำพุแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่กลุ่มตึก Suntec City ย่าน Marina Bay มีฐานของน้ำพุอยู่ชั้นใต้ดิน และตัวน้ำพุจะอยู่สูงเหนือขึ้นมา และในปี 1988 น้ำพุแห่งนี้ได้ถูกบันทึกจาก กินเนสบุ๊ค (Guinness Book of Records) ว่าเป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีขนาดของเส้นรอบวงแหวน 66 เมตร ตัวโครงสร้างมีส่วนสูง 13.8 เมตรจากพื้นด้านล้าง และเนื่องจากน้ำพุแห่งนี้สร้างขึ้นตามหลักฮวงจุ้ย จึงมีความเชื่อว่า “ใครได้สัมผัสน้ำพุ จะมีโชคลาภ เป็นมงคล โชคดีตลอดไป”

น้ำพุจะเปิดเป็นรอบ โดยมีเวลาดังนี้ 09.00 น. – 12.00 น., 14.30 น. – 18.00 น., 19.00 น. – 19.45 น., 21.30 น. – 22.00 น.  และมีการแสดงเลเซอร์เวลา 20.00, 20.30 และ 21.30
การเดินทาง : MRT Esplanade (สีเหลือง) เดินเข้าไปในตัวตึก Suntec City และเดินตามป้ายบอกทางมายัง Fountain of Wealth หรือ สายสีเหลือง/ น้ำเงิน ไปลงที่สถานี Promenade MRT (CC4) พอขึ้นมาจากสถานีก็เดินถึงอาคาร Suntec City หรือจะนั่งรถเมล์มาลงบริเวณใกล้เคียงแล้วเดินเข้ามาก็สะดวกดีค่ะ

 

วิธีการสัมผัสน้ำพุ :

  1. ยื่นมือเข้าไปสัมผัสน้ำพุ
  2. อธิษฐานขอพรเบาๆ หรือในใจ
  3. เดินวนรอบน้ำพุตามเข็มนาฬิกา 3 รอบ

 

5. Esplanade – Theatres

โรงละครแห่งนี้ สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นศูนย์กลางของการแสดงในประเทศสิงคโปร์ สร้างตั้งแต่ปี 1998 โดยแบ่งภายในออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ ส่วนของโรงละคร(Theatre) ส่วนของคอนเสิร์ต(Concert Hall) และส่วนย่อยอื่นๆที่มีทั้ง ห้าง ห้องสมุด คาเฟ่ และร้านขายของที่ระลึก จริงๆแล้วผู้จัดสร้างต้องการให้สามารถมองเห็นจากมุมสูงเป็นทรงไมโครโฟนคู่ แต่บ้างก็คิดว่าเป็นตาแมลงวัน บ้างก็คิดว่ามีรูปลักษณ์คล้ายหนามทุเรียนซะอย่างนั้น! ภายในโรงละคร Esplanade จะประกอบไปด้วยห้องแสดงขนาดใหญ่จำนวน 2 ห้อง และมีสตูดิโอขนาดเล็กอีก 2 ห้อง ทั้งภายในและภายนอกอาคาร รายการแสดงต่างๆนั้นมีความหลากหลาย เพื่อให้เหมาะสมกับผู้ชมทุกประเภท โดยเน้นไปที่ดนตรี การเต้นรำ ละคร และทัศนศิลป์ทุกประเภท ซึ่งการแสดงจะมีแทบทุกวัน

 

การเดินทาง

เดินทางโดยรถบัส หมายเลข: 36, 56, 70M, 97, 111, 133, 162M, 195, 502, 531, 1N, 2N, 3N, 4N, 5N, 6N, 75, 77, 106, 700A, 857, 960, 961, NR1, NR2, NR5, NR6, NR7, NR8.  สถานีรถบัส ที่ใกล้ที่สุดอยู่บนถนน Raffles Avenue บริเวณทางเข้า Esplanade Mall

เดินทางโดยรถไฟฟ้า ลงที่สถานี City Hall ออก Exit D ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที จากสถานี

 

6. Jubilee Bridge

เป็นสะพานใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปี 2015 จึงเป็นสะพานใหม่ล่าสุดของบริเวณรอบอ่าวมาริน่า(Marina Bay) สร้างขึ้นสำหรับคนและจักรยานเท่านั้น เป็นสะพานข้ามแม่น้ำสิงคโปร์ เชื่อมต่อระหว่าง Merlion Park และโรงละคร Esplanade Theatres มีความยาว 220 เมตร สามารถชมความงามของอาคารต่างๆรอบ Marina Bay ได้ เป็นมุมที่งดงามมากๆอีกมุมหนึ่งที่ไม่ควรพลาด

 

7. Merlion Park

เมอไลอ้อน หรือสิงโตทะเล เป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญของสิงคโปร์ มีหัวเป็นสิงโต ร่างเป็นปลา ยืนอยู่บนยอดคลื่น ทั่วโลกต่างถือกันว่าสิงโตทะเลตัวนี้คือเครื่องหมายประจำชาติสิงคโปร์  มีความสูง 8.6 เมตร หนัก 70 ตัน ทำด้วยซีเมนต์ฟอนดู (Fondu) ตั้งตระหง่านพ่นน้ำจากปากลงมาสู่อ่าวเมอริน่า หรือ Merina Bay ส่วนรูปปั้นสิงโตทะเลตัวที่สองจะมีขนาดเล็กกว่า ขนาดสูง 2 เมตรและหนัก 3 ตัน

 

8. Anderson Bridge

สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1908 แล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1910 โดยได้ตั้งชื่อนี้เพื่อเป็นเกียรติแก่ Sir John Anderson ผู้ว่าการ Straits Settlement ซึ่งดำรงตำแหน่งระหว่างปี 1904 – 1911 สะพานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยจุดประสงค์หลักคือต้องการนำมาใช้งานแทนสะพานเดิม นั่นก็คือสะพาน Cavenagh Bridge ซึ่งไม่สามารถรองรับปริมาณของรถยนต์ที่สัญจรไปมาระหว่างบริเวณเขตบริหารของรัฐบาลบนฝั่งแม่น้ำทางตอนเหนือ กับ ฝั่งย่านการค้าทางตอนใต้ของแม่น้ำสิงคโปร์ และหลังจากที่สะพาน Anderson Bridge ถูกสร้างจนเสร็จเรียบร้อยและได้เปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการ ทางรัฐบาลสิงคโปร์ก็ได้ยกเลิกการใช้งานสะพาน Cavenagh Bridge ไม่ให้รถยนต์วิ่งผ่านอีกต่อไป แต่ให้ใช้เป็นทางเดินข้ามสำหรับประชาชน และ ยานพาหนะขนาดเล็กๆ อย่างเช่นจักรยาน เท่านั้น

 

9. Cavenagh Bridge

เป็นสะพานเก่าแก่ที่สุดที่ใช้ข้ามแม่น้ำสิงคโปร์ ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2411 เป็นสะพานแขวนเพียงแห่งเดียวของประเทศสิงคโปร์ และยังเป็นสะพานที่เก่าแก่ที่สุดด้วย ใช้สำหรับข้ามแม่น้ำสิงคโปร์บริเวณตอนปลายก่อนถึงอ่าวมารีน่า อยู่ด้านหน้าโรงแรม Fullerton ที่เป็นโรงแรมหรู 5 ดาวสุดคลาสสิคริมน้ำ พร้อมกับรูปปั้นเด็กกระโดดน้ำ ส่วนอีกด้านของสะพานจะเป็นพิพิธภัณท์อารยธรรมเอเชีย(Asian Civilisations Museum) และ โรงละครวิคตอเรีย(Victoria Theatre & Concert Hall) พอตกค่ำจะมีการเปิดไฟที่สะพานนี้เพื่อความสวยงามด้วย

สะพานคาเวนาห์(Cavenagh Bridge) สร้างขึ้น เพื่อฉลองความสัมพันธ์ของอังกฤษ เดิมมีชื่อว่า Edinburgh Bridge เพื่อต้อนกับการมาเยือนของเชื้อพระวงศ์จาก Ediburgh แต่ต่อมาได้ถูกเปลี่ยนชื่อให้เป็นไปตามนามสกุลของ ผู้ปกครองสิงคโปร์เมื่อปี 1859 ถึง 1867 แทน ซึ่งก็คือ Cavenagh

ปัจจุบันนี้สะพานคาเวนาห์เป็นสะพานสำหรับคนข้ามเท่านั้น เพื่อเชื่อมต่อระหว่างโซนการพักผ่อนและวัฒนธรรมตอนเหนือของแม่น้ำกับโซนการค้า ธรุกิจ และสำนักงานทางตอนใต้จองแม่น้ำสิงคโปร์

 

10. Clarke Quay

คลาร์กคีย์ อยู่บริเวณปากแม่น้ำสิงคโปร์ เป็นท่าเทียบเรือเก่าแก่ที่ใช้ขนถ่ายสินค้าจากสำเภาโบราณที่แล่นมาจากทั้งตะวันออกและตะวันตก จากนั้นโกดังสินค้าได้ถูกปรับเปลี่ยนมาเป็น ผับ บาร์ ร้านอาหาร และแหล่งบันเทิงทั้งกลางวันและกลางคืน แต่ในช่วงกลางคืนจะดูคึกคักมากกว่า เรือแจวที่เคยใช้ขนถ่ายสินค้าถูกปรับมาเป็นเรือนำเที่ยวพาล่องแม่น้ำสิงคโปร์ไปยังท่าต่างๆจนถึงปากอ่าวมารีน่า

 

11. Orchard Road

เป็นถนนสายช็อปปิ้ง ที่เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้ามากมายตลอดเส้นทาง ยิ่งช่วงสิงคโปร์เซลทั้งเกาะ ถนนสายนี้จะเปรียบเหมือนสรรค์ของนักช็อป เพราะทุกห้างจะพากันลดราคาละลานตาไปหมด ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ของกิน ของฝาก เรียกได้ว่าถ้าคุณอยากช็อปปิ้ง คุณมาที่นี่ อาจจะต้องควักกระเป๋าให้ทุกห้างเลยก็ว่าได้ คล้ายๆย่านสยาม ชิดลม ราชดำริ ของบ้านเรานั่นเอง

 

12. China Town

ย่านวัฒนธรรมจีนในต่างแดน เมื่อก้าวย่างเข้ามาก็จะสัมผัสได้ถึงวัฒนธรรมที่ชาวจีนสร้างและรักษาเอาไว้ ไม่ว่าจะไปอยู่ประเทศใดแดนใดก็ตามแต่ แหล่งช็อปปิ้งของกินและของพื้นเมือง ถามย่านนี้ยังมี wifi ให้ใช้กันแบบฟรีๆอีกด้วย !! ของกินที่น่าลิ้มลองก็อย่างเช่น หมูแผ่นหวาน (Bak Kha), ก๋วยเตี๋ยวผัด (Char Kway teow), หมูสะเต๊ะ, ข้าวมันไก่, บักกุ๊ดเต๋

 

13. Sentosa

เรียกได้ว่าเป็นเกาะมหาสนุก เป็นศูนย์รวมเครื่องเล่นและเป็นสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ Universal Studios Singapore ก็อยู่ที่เกาะนี้เลยค่ะ

การเดินทางไปเกาะเซ็นโตซ่า

  1. สำหรับการเดินทางไป เซ็นโตซ่า โดยการนั่ง MRT สายสีม่วงหรือสีส้ม ไปลงที่สถานี Harbourfront แล้วเลือกเดินทางต่อด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้

Sentosa Express ทางออก E ที่ VivoCity ให้บริการทุกวันในเวลา 07.00-24.00 น. ค่าบริการ S$ 4 ต่อการเข้า-ออก 1 เที่ยว จนกว่าจะออกจากสถานี Sentosa สามารถใช้เดินทางไปสถานีต่าง ๆ ภายในเกาะได้ฟรีไม่จำกัดเที่ยว

Singapore Cable Car ที่ทางออก B ให้บริการทุกวันในเวลา 0 8.30-22.00 น. ราคาค่าบริการ ผู้ใหญ่ S$26 เด็ก S$15

Sentosa Boardwalk ที่ทางออก C ทางเดินข้ามทะเลที่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่รีบร้อน เดินเล่นชิล ๆ เสียค่าเข้า-ออกคนละ S$1 ต่อการเข้า-ออก 1 ครั้ง เปิดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

  1. การเดินทางโดยรถเมล์ ซึ่งสายที่ผ่านก็มี 65, 80, 93, 188, 855, 10, 30, 97, 100, 131, 143, 145, 166 จากนั้นก็ลงที่ป้าย Telok Blangah Road ซึ่งก็คือ VivoCity นั่นเอง แล้วค่อยเลือกวิธีการเดินทางออกจาก VivoCity จาก 3 ตัวเลือกข้างบน

*คนที่มี  “EZ Card” ไม่ต้องซื้อบัตร Sentosa Express ใช้ EZ Card ขึ้นรถไฟไปได้เลย หรือจะเดินเข้าไปก็ได้เช่นกัน เสียค่าเข้าเกาะแค่คนละ 1 เหรียญ (แต่ช่วงนี้เปิดให้เข้าฟรีจนถึงเดือนตุลาคม 2560 นี้เลยค่ะ

ส่วนการเดินทางภายในเซนโตซ่า จะมีรถบัสและรถไฟฟ้าไว้คอยให้บริการฟรีค่ะ หรือจะเดินไปเรื่อยๆก็ได้เช่นกันนะคะ

ปิดความเห็น บน 13 ที่เที่ยวสิงคโปร์ ที่ห้ามพลาด