travel story

แม่ฮ่องสอนหน้าหนาว นอนรถทัวร์ยาวไปแว๊นเที่ยว


แม่ฮ่องสอนหน้าหนาว นอนรถทัวร์ยาวไปแว๊นเที่ยว

สวัสดีหน้าหนาว คราวนี้พบกันที่ “แม่ฮ่องสอน” จากกรุงเทพมหานครสามารถเดินทางได้ด้วยรถทัวร์ยิงยาวไปถึงสถานีขนส่งของจังหวัดได้ โดยไม่ต้องเสียเงินและเสียเวลาหลายต่อ หยุดแค่เสาร์-อาทิตย์ ก็เที่ยวแค่ 2 วันนี่แหละ วางแผนดีๆไปได้หลายที่เหมือนกันนะ

แผนการเดินทาง ทริปแม่ฮ่องสอน ครั้งนี้

– ขึ้นรถทัวร์ตอนเย็น

– ถึงเช้า เช่ามอเตอร์ไซค์

– ไปปางอุ๋ง

– บ้านรักไทย

– นอนบ้านจ่าโบ่

– เช้าเดินขึ้นภูผาจ่าโบ่ ชมทะเลหมอก

– กลับเข้าเมือง แวะไหว้พระธาตุดอยกองมู

– นั่งรถทัวร์กลับ

เริ่มจาก เลือกวิธีการเดินทางโดย “รถทัวร์” สายที่จะสามารถนอนยาวไปจนถึงสถานีขนส่งแม่ฮ่องสอนแบบต่อเดียว คือ รถทัวร์ของ สมบัติทัวร์ เจ้าประจำเวลาเดินทางไปท่องเที่ยวต่างจังหวัดด้วยรถทัวร์เลยล่ะค่ะ ไม่ว่าจะขึ้นเหนือหรือลงใต้มักจะนึกถึงเจ้านี้ก่อนเสมอ เรียกว่าสบายใจก็แล้วกันนะ ^^

เราเลือกขึ้นรถที่ วิภาวดี ทำการจองล่วงหน้าและชำระเงินไว้ให้เรียบร้อยจะได้ไม่ต้องรีบมากในวันเดินทาง ขาไป มีเที่ยว 17.20 น. และ 17.29 น. ขากลับ มี 15.00 น., 16.00 น. และ 16.30 น. ใช้เวลาประมาณ 14 ชั่วโมงครึ่ง ทั้งขาไปและกลับ นอนยาวไปค่ะ


การขึ้นรถทัวร์ระดับ Supreme มันดีมากอยากบอกต่อ เบาะเอนได้มาก กว้างกว่าเดิม มีจอส่วนตัว จะดูหนัง เล่นเกม ฟังเพลง ได้หมด อ่อเขามีหูฟังให้ยืมใช้ด้วยนะ ขนมเอยน้ำเอย พร้อม

สิ่งดีๆอีกอย่างของสมบัติทัวร์ คือ จุดพักรถที่ จ.กำแพงเพชร ที่นี่นอกจากห้องน้ำ ขนม ของฝาก ก็ยังมีอาหาร ฟรี ให้ทานกันอีกด้วย แค่นำตั๋วรถทัวร์ไปแลกเท่านั้นเอง สำหรับ Supreme อาหารเป็นบุฟเฟต์ในห้อง VIP ทานได้เต็มที่ไม่อั้น

ระหว่างทางช่วงใกล้ถึงสถานีขนส่ง ลืมตาขึ้นมามองวิวข้างทาง คือสวยมาก มองด้วยตาอยู่นานกว่าจะหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูป หมอกคละคลุ้งแทบตลอดทางที่มอง บางช่วงเห็นเป็นวิวทะเลหมอกสีขาวตัดกับสีเขียวและฟ้า

รถจอดให้ลงประมาณ 8 โมงเช้า อากาศเย็นสบาย เข้าห้องน้ำห้องท่ากันที่สถานีขนส่งนี่แหละ จากนั้นเดินไปหาวินมอเตอร์ไซค์ คนละ 40 บาท ไปร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ P.A. Motor อยู่ริมหนองน้ำจองคำ มีให้เลือกเช่าในราคา 200/ 250 และ 300 บาทนะคะ แล้วแต่กำลังเครื่อง เราเลือก 200 บาท ใช้เวลาประมาณวันครึ่งก็จ่ายไป 300 บาท พร้อมเงินมัดจำอีก 1,500 บาท (เงินมัดจำ รับคืนตอนคืนรถ)

จากนั้น วิ่งสู่จุดหมายแรกของทริป “ปางอุ๋ง” แวะทานข้าวในหมู่บ้านระหว่างทางกันมาแล้วเรียบร้อย ครั้งก่อนเคยไปนอนค้างที่นั่นก็จะได้เห็นหมอกคละคลุ้งสวยๆ แต่คราวนี้เข้าไปถึงสายๆ แทบไม่มีนักท่องเที่ยวอยู่ที่นั่นแล้ว ก็สวยไม่น้อยเหมือนกันนะบอกเลย คนไม่เยอะดีด้วย

มาครั้งที่แล้วเจอหงส์ดำ มาครั้งนี้เจอหงส์ขาวคู่ สวยมาก ตัวใหญ่มากด้วย เวลาเขาค่อยๆว่ายน้ำมามันดูสง่างาม ดูสวยเหมาะกับสถานที่มาก อธิบายไม่ถูก ไปชมภาพที่เก็บมาได้เลยดีกว่า

พอคนน้อย จะเดินไปถ่ายรูปตรงไหนก็รู้สึกสบาย รูสึกชิลตลอดเวลา อากาศก็เย็นๆสบายๆ มันฟินมาก!!

จากนั้น แว๊นไปต่อกันที่ “บ้านรักไทย” หมู่บ้านเล็กๆที่มีบึงน้ำขนาดใหญ่ อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ต้นไม้และภูเขา อากาศเย็น ซึ่งเป็นชุมชนจีนยูนนานที่อยู่มายาวนานแล้วนั่นเอง แน่นอนว่าถ้าหากมาพักแรมหรือมาตั้งแต่เช้าตรู่ จะมีโอกาสได้เห็นหมอกลอยคลุ้งอยู่ทั่วหมู่บ้าน แต่ทว่า มาสายๆ มันก็สวยและสบายมากเหมือนกันนะ คนน้อย ไม่วุ่นวาย มีที่จอดรถเยอะ ถ่ายกับวิวสวยๆได้แบบไม่ต้องรอต่อคิว

ร้านอาหาร ร้านกาแฟก็มีที่ให้เลือกนั่งเยอะแยะไปหมด ถ่ายรูปแบบไม่ติดคนอื่นๆได้ ดีไปอีก

มาถึงแหล่งจีนยูนนาน ก็ต้องลองชิม “ขาหมู+หมั่นโถว” สูตรจีนยูนนานแท้ๆด้วย เพื่อความฟินยิ่งขึ้นไปอีก สั่งแค่เมนูเดียว ชุดเล็ก 400 บาท กินไม่หมดแถมยังอิ่มจนแน่นเลยล่ะค่ะ

จากนั้นมุ่งหน้าสู่ “บ้านจ่าโบ่” อ.ปางมะผ้า ผ่านถนนหนทางคดโค้งตัดผ่านทิวเขาและป่าไม้ไปตลอดทาง ชะอุ่มและเย็นสบายจนหลงใหลไปอย่างไม่รู้ตัว เสน่ห์ของแม่ฮ่องสอน นอกจากอากาศเย็นบริสุทธิ์ ธรรมชาติอันสดชื่น ก็คือถนนที่คดเคี้ยวตีโค้งเป็นร้อยๆโค้งนี่แหละ มีอึนๆแวะพักระหว่างทางกันบ้าง

เรามาถึงบ้านจ่าโบ่กันช่วงบ่ายค่ะ ยังอิ่มขาหมูหมั่นโถวกันอยู่ มาถึงก็เข้าที่พักเลย “ฟ้าใสโฮมสเตย์” ทีแรกติดต่อไปที่โฮมสเตย์บ้านจ่าทอ แต่ที่พักช่วงหน้าหนาวแบบนี้จะเต็มไวมาก ทางเจ้าของบ้านจ่าทอจึงติดต่อที่พักให้อีกที แต่ละหลังเป็นโฮมสเตย์ของชาวบ้านชาวลาหู่ทุกหลังนะคะ วิวส่วนใหญ่จะสวยไม่ต่างกันเลย คนละ 300 บาท รวมอาหารเย็น นี่คุ้มเกินคุ้มอีกนะจะบอกให้ ส่วนฟ้าใสโฮมสเตย์ที่เราได้เข้าพัก เป็นร้านอาหารตามสั่งอยู่ติดกับร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขาเลย วิวดีมาก!! ที่นี่เป็นห้องเล็กๆ สามารถเปิดหน้าต่างจากห้องพักเพื่อชมวิวได้

ในห้องมีที่นอน หมอน ผ้าห่ม และน้ำดื่มให้ค่ะ เป็นห้องน้ำรวมที่อยู่ด้านนอก ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นนะ เย็นสะใจมาก ^^

มีระเบียงอยู่ด้านนอก ออกมานั่งชมวิว หรือกระทั่งนั่งดูดาวดูพระจันทร์ก็ได้นะ

ถ้าสนใจห้องพักแจ่มๆแบบนี้ ติดต่อได้เลยค่ะ 087-189-3288 หรือเฟซบุ๊ก
ฟ้าใส โฮมสเตย์ -ร้านส้มตำนายี จ่าโบ่ นอกจากห้องพักกระทัดรัดวิวดีแบบนี้ ที่นี่ยังมีห้องสวยๆ แบบที่มีห้องน้ำพร้อมเครื่องทำน้ำอุ่นให้ในตัวห้อง มีระเบียงหน้าห้อง วิวดีไม่แพ้กัน แต่มันโอกว่าเยอะ มีหมูกระทะให้สั่งมาทานกันได้ที่ระเบียงหน้าห้องด้วย


ช่วงหัวค่ำ ก่อนฟ้าจะมืด ออกไปเดินเล่นบริเวณจุดชมวิวบ้านจ่าโบ่ แสงทองอ่อนๆสาดส่องมากระทบทิวเขา สวยมากจริงๆ อยู่กันจนพระจันทร์ลอยโผล่จากหลังทิวเขาขึ้นมาเลย

ได้เวลามื้อค่ำ ตามที่นัดเอาไว้ กลับมานั่งกินท่านกลางแสงดาว โอย….. อากาศก็หนาว แต่มันรู้สึกโรแมนติกได้ด้วยแฮะ ^^ อาหารเป็นอาหารบ้านๆ แต่รสชาติอร่อยไม่ใช่พื้นๆนะ

อิ่มแล้ว นั่งเล่นนอนเล่นกันพักหนึ่งเพื่อให้อาหารย่อย และทำใจก่อนเดินไปอาบน้ำอันเย็นฉ่ำราวกับน้ำที่เพิ่งออกมาจากตู้เย็น ท้าทายมาก จะไม่อาบก็ไม่ได้ด้วยนะ สู้!! ฮ่าๆๆๆ จากนั้นก็กลับมาเปิดหน้าต่างดูดาว

ดูๆไปก็คิดว่า เอ… ทำไมมีแสงสว่างอะไรเจิดจ้ามาก ทำให้มองไม่ค่อยเห็นดาวมากเท่าที่ควร พอเงยขึ้นไปอีกหน่อยก็อ๋อเลย พระจันทร์!! สว่างมากเกินไป๊ ^^”

เปิดหน้าต่างรับลมหนาว นอนดูดาว ดูพระจันทร์ แล้วก็เล่นเกม…. ฮ่าๆๆๆ

ตื่นเช้ามืด เรามีนัดขึ้นภูเพื่อชมวิวทะเลหมอกจากมุมสูงและพระอาทิตย์ขึ้น โดยได้นัดไว้กับทางโฮมสเตย์จ่าทอค่ะ ต้องบอกก่อนว่าปกติแล้วนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาพักแรมที่นี่ จะได้เดินขึ้น “ภูผาหมอก” แต่ครั้งนี้เราจะไปยัง “ภูผาจ่าโบ่” น้อยคนที่จะรู้เส้นทาง และแน่นอนว่าไกด์ท้องถิ่นของโฮมสเตย์จ่าทอนั้น จะเป็นผู้นำทางพาเราไปค่ะ ค่าใช้จ่ายสำหรับทั้ง 2 ภูนั้น ก็แค่คนละ 100 บาทเท่านั้นเอง (เลือกภูใดภูหนึ่งนะคะ) ใครอยากขึ้นภูผาจ่าโบ่ให้ติดต่อไปที่นี่เลยนะคะ
ลานกางเต็นท์จ่าทอ&โฮมสเตย์บ้านจ่าโบ่ 098-7900292 จะพักหลังไหนก็ไปกับเขาได้

ใช้เวลาเดินขึ้นมาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ต้องใช้ไฟฉายด้วยนะคะ ถ้าไม่มีก็เปิดไฟจากโทรศัพท์ของใครของมัน ทางชันแค่ช่วงใกล้ถึงยอดภูนิดๆหน่อยๆ แต่พอขึ้นมาถึงแล้วชื่นใจมาก!!

อ่อ จะบอกว่า ความจริงแล้วอากาศหนาวนะ แต่พอเดินขึ้นมาเรื่อยๆแล้วเหงื่อแตกได้อะ ฮ่าๆๆ มาถึงข้างบนก็ร้อนพอดี แต่ลมพัดเย็นสบายค่อยยังชั่ว แถมยังฟินกับวิวแบบนี้ คือดีมาก

นั่งมองทะเลหมอก รอพระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาเรื่อยๆ โรแมนติกมาก

แล้วก็ค่อยๆขยับเท้าไต่หินหามุมถ่ายรูปกันได้ตามอัธยาศัย จะให้เพื่อนร่วมทางหรือพี่ไกด์ท้องถิ่นช่วยถ่ายให้ก็ยังได้

อยู่ข้างบนกันจนหนำใจก็เดินกลับลงมายังจุดชมวิวอีกครั้ง คราวนี้ทะเลหมอกมาแล้ว .. มีคนบอกว่าวันที่เราไปนั้นทะเลหมอกค่อนข้างน้อย แต่เรารู้สึกว่าเท่านี้ก็ฟินมากแล้วนะ จริงๆ

แล้วก็ถึงเวลาไปกินเตี๋ยวๆๆๆ “ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา บ้านจ่าโบ่” เห็นภาพถ่ายของคนอื่นมาก็มาก เมื่อได้มาสัมผัสด้วยตัวเองมันรู้สึกอิ่มหนำใจมากกว่าตอนนั่งจินตนาการซะอีก ร้านก๋วยเตี๋ยวราคาชามละ 40 บาท ที่วิวดีที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ฟินระดับ 10 แม้เป็นวันที่เขาว่ากันว่าทะเลหมอกน้อย

จากนั้นก็เดินชมวิวตรงนู้นตรงนี้ต่อ จนไปถึงร้านกาแฟอีกร้านที่วิวดีไม่แพ้กัน “Dek Doi Coffee” แต่ไม่ได้ลองชิมนะคะ เพราะเวลานั้นอิ่มมาก

ที่หมู่บ้านแห่งนี้ ยังมีร้านขายของฝาก ของที่ระลึกอีกด้วยนะ หรือจะซื้อเสื้อผ้า เครื่องประดับ ใส่เองก็จัดได้ในราคาไม่แพง

ช่วงสายๆ ออกเดินทางกลับเข้าเมือง มาแวะระหว่างทางกันอีกหน่อย มีจุดชมวิว และร้านของฝากอีกเยอะมาก ราคาถูกด้วย ถูกมากกว่าที่อื่นๆที่เคยซื้อมา จริงๆ

กลับเข้าเมือง แวะทานข้าว แล้วก็ขึ้นไปไหว้ “พระธาตุดอยกองมู” และชมวิวเมืองมุมสูงกันที่นี่อีกพักใหญ่ เย็นสบายดี

แล้วก็เข้าไปหาพี่วินเพื่อให้ตามไปรับที่ร้านรถเช่า เราลงเดินเข้าสถานีขนส่งเลยจะได้ไม่ต้องเสียค่าวิน 2 คน ให้แฟนขับมอเตอร์ไซค์ไปคืน พร้อมให้พี่วินขับตามไป รับเงินมัดจำที่ร้านเช่ารถคืน และให้พี่วินรับกลับมาส่งยังสถานีขนส่ง ในราคา 40 บาท เท่าเดิม แล้วล้างหน้าแปรงฟันรอขึ้นรถทัวร์กลับ

ทริปนี้จบลงในเวลาที่ไม่ยาวนานนัก แต่ความสุขที่ได้รับกลับมามันล้นปริ่ม เป็นพลังแรงใจอันเต็มเปี่ยมเลยล่ะค่ะ

ขอขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้กันด้วยนะคะ ถ้าชอบฝากกดแชร์กันด้วยนะคะ แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าค่ะ ^____^

ปิดความเห็น บน แม่ฮ่องสอนหน้าหนาว นอนรถทัวร์ยาวไปแว๊นเที่ยว