ดีท็อกปอด กอดเขาใหญ่ ณ ชุมชนบ้านท่ามะปรางค์ บ้านคลองเพล จ.นครราชสีมา
“ดีท็อกปอด กอดเขาใหญ่” ณ ชุมชนบ้านท่ามะปรางค์ บ้านคลองเพล จ.นครราชสีมา
เคยได้ยินคำว่า “ธรรมชาติบำบัด” ไหมคะ สีเขียวของต้นไม้ใบหญ้า อากาศบริสุทธิ์ที่ทำให้สูดลมหายใจได้เต็มปอด สิ่งเหล่านี้ช่วยบำบัดให้เรามีพลังขึ้นได้จริงๆ และทริปนี้เราจะพาไปหาเที่ยวชุมชนร่มรื่นที่เต็มไปด้วยธรรมชาติดีๆกัน..
ทริปนี้ เราจะพาไปท่องเที่ยววิถีชุมชนกันที่ ชุมชนบ้านท่ามะปรางค์ และ บ้านคลองเพล อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นทริปท่องเที่ยวชุมชน (ระยะเวลา 2 วัน 1 คืน) ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติป่าเขาอันเขียวขจีของ “เขาใหญ่” ตามมาเที่ยว และ “ดีท็อกปอด” ไปด้วยกันนะคะ ^^
ชุมชนบ้านท่ามะปรางค์ และ บ้านคลองเพล
ตั้งอยู่ติดกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในเขต ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาเป็นชุมชนลูกผสมที่มีคนหลากหลายเชื้อชาติและวัฒนธรรมอยู่ร่วมกัน โดยหลังจากที่มีการสร้างทางรถไฟและตัดถนนผ่านในช่วงสมัย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้คนได้อพยพลงมาจากเขาใหญ่ เริ่มมีการตั้งถิ่นฐาน จับจองพื้นที่ทำการเกษตร ก่อนจะขยับขยายกลายเป็น ชุมชนบ้านท่ามะปรางค์ และ บ้านคลองเพล ซึ่งแยกตัวออกมาภายหลังจากที่มีประชากรเพิ่มขึ้น
สายน้ำ “ลำตะคอง” คือ ทรัพยากรทางธรรมชาติสำคัญของชุมชน ที่ไหลผ่านระหว่างทั้งสองหมู่บ้านเป็นแหล่งต้นน้ำที่สะอาดและบริสุทธิ์ มีผืนป่าอันเขียวขจีล้อมรอบ ปัจจุบัน ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น ร้านอาหาร หรือ ทำงานเกี่ยวกับที่พัก แต่ยังมีแหล่งเกษตรกรรมและวิถีวัฒนธรรมดั่งเดิม ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางโรงแรมดังในพื้นที่
ผู้คนในชุมชน ยังใช้ชีวิตผูกพันกับธรรมชาติ อยู่ด้วยกันด้วยความเกื้อกูลทั้งคน ต้นไม้ และ สัตว์ป่า ซึ่งยังคงหากินอยู่ในพื้นที่โดยไม่เบียดเบียนกันและกัน.. ลองมาเที่ยว ชุมชนบ้านท่ามะปรางค์ บ้านคลองเพล มาปั่นจักรยานเดินทางแบบกันเอง ชิมผลไม้จากสวน ชวนทำกิจกรรมสนุกๆ และรับประทานอาหารสุดพิเศษจากท้องถิ่น ตลอดเส้นทางสีเขียว ที่มีเรื่องเล่าที่ไม่เคยรู้ จากกูรูเขาใหญ่ตัวจริง!
กิจกรรมห้ามพลาด
- ปั่นจักรยาน เส้นทางเลียบภูเขาลอดอุโมงค์ต้นไม้
- ชิมผลไม้สดๆ จากสวนตามฤดูกาล
- นมัสการ หลวงพ่อใหญ่ อายุกว่า 100 ปี
- ทำของที่ระลึก ด้วยตนเองจากสวนครัวหลังบ้าน
- รับประทานอาหารพื้นถิ่น แสนอร่อยฝีมือชุมชน
กิจกรรมพิเศษ
- เที่ยว สวนเกษตรผสมผสาน และสวนเกษตรพอเพียง
- ทำบุญตักบาตร ชมวิถีชีวิตชุมชนยามเช้า
- สนุกสนานกับ การช้อนกุ้ง บริเวณน้ำลำตะคอง
- เล่นน้ำผ่อนคลาย ในลำธารใสสะอาดเย็นสบาย
*กิจกรรมต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสมในแต่ละฤดูกาล และ สภาพอากาศ
ตัวอย่าง โปรแกรมท่องเที่ยวชุมชน บ้านท่ามะปรางค์ บ้านคลองเพล
- พบกันที่ลานจอดรถบริเวณหน้าด่าน อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
- สักการะ เจ้าพ่อเขาใหญ่ เพื่อความเป็นสิริมงคล
- เดินทางเข้าสู่ ชุมชนบ้านท่ามะปรางค์ และ บ้านคลองเพล
- ทำความรู้จักชุมชนที่จุดต้อนรับริมน้ำ รับ เครื่องดื่มสมุนไพร เย็นชื่นใจ
- เที่ยววัดท่ามะปรางค์ สักการะ หลวงพ่อใหญ่ พระพุทธรูปโบราณอายุนับร้อยปี
- แวะชิมผลไม้ตามฤดูกาล จากสวนของชุมชน
- ปั่นจักรยาน เลียบภูเขา ผ่านต้นไม้ใหญ่ ข้ามลำธาร ฟังเสียงธรรมชาติอันงดงาม
- กิจกรรมทำมือ จากสวนครัวหลังบ้าน นำกลับไปเป็นของที่ระลึก
- รับประทานอาหาร เมนูท้องถิ่น เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ชุมชน
- จบทริป และ อำลาชุมชนด้วยความประทับใจ
เดินทางสู่ “เขาใหญ่”
จาก กรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ จังหวัดนครราชสีมา ใช้เวลาไม่นาน เราก็เดินทางมาถึงบริเวณหน้าด่าน “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางแรก และเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นกิจกรรมแรกของการมาท่องเที่ยวชุมชน ด้วยการสักการะ เจ้าพ่อเขาใหญ่เพื่อความเป็นสิริมงคล
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย มีอาณาเขตครอบคลุม 11 อำเภอของ 4 จังหวัด คือ จังหวัดสระบุรี จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดปราจีนบุรี และ จังหวัดนครนายก ได้รับสมญานามว่าเป็นอุทยานมรดกของกลุ่มประเทศอาเซียน เป็นป่าผืนใหญ่ และเป็นแหล่งกำเนิดของ ต้นน้ำลำธารที่สำคัญหลายสาย มีสัตว์ป่าชุกชุม นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปพักแรม เดินป่า ดูน้ำตก และส่องสัตว์ได้
หลังจาก สักการะเจ้าพ่อเขาใหญ่ เป็นที่เรียบร้อย ก็ได้เวลา อาหารมื้อแรก สำหรับทริปนี้พอดี โดยเรามาแวะทานอาหารกันที่ “ครัวแม่พลอย” เป็นร้านอาหารท้องถิ่น ที่มีเมนูแนะนำอย่าง ส้มตำทอด ที่ไม่ควรพลาดมาลองชิมกัน ร้านนี้เปิดบริการ ตั้งแต่ 11.00 น. – 20.00 น. ทุกวัน(ปิดวันพุธ)
เมนูอร่อย ร้านครัวแม่พลอย เช่น ส้มตำทอด ผักน้ำพริกกะปิ ไก่ผัดเม็ดมะม่วง ต้มแซ่บ ไก่ทอดสมุนไพร เป็นต้น
จากนั้นเดินทางเข้าที่พัก โรงแรมโอเซเว่นวิลล่า เขาใหญ่ เป็นโรงแรมที่มีบรรยากาศดี แวดล้อมด้วยธรรมชาติ
ห้องพัก มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน มาพักที่นี่สามารถสัมผัสได้ถึงความสดชื่นที่โชยมากับสายลม อากาศเย็นสบาย
สระว่ายน้ำ ของโรงแรม ที่ผู้เข้าพักเข้าสามารถมาใช้บริการได้ เปิดให้บริการถึง 19.00 น. ช่วงค่ำๆมีการเปิดไฟสวยมาก
“ปั่นจักรยาน” ท่องเที่ยวชุมชน บ้านท่ามะปรางค์ บ้านคลองเพล
พักให้หายเหนื่อยกันสักแป้บ! เราก็จะออกไปลุยเที่ยวชุมชนกันต่อ.. โดยไปกันที่ ศาลาประชาคมริมน้ำ บ้านคลองเพล ซึ่งจะมีชาวบ้านมาคอยต้อนรับด้วย น้ำหมากเม่า ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีอยู่ในชุมชนเป็นจำนวนมาก รสชาติหวานอมเปรี้ยว ดื่มแล้วชื่นใจ
บรรยากาศภายในชุมชน บ้านท่ามะปรางค์ และ บ้านคลองเพล ที่เราจะค่อยๆ ซึมซับ วิถีชีวิตของผู้คนอันเรียบง่าย
การเดินทางท่องเที่ยวในชุมชน จะใช้วิธีการ “ปั่นจักรยาน” เป็นเส้นทางปั่นจักรยานชมวิถีชีวิตและธรรมชาติของ บ้านท่ามะปรางค์ – บ้านคลองเพล ซึ่งวิธีนี้จะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่สร้างมลพิษ
ปั่นจักรยาน ไปย้อนเวลาเรียนรู้ประวัติความเป็นมา ก่อนก้าวข้ามผ่านสู่ยุคปัจจุบันท่ามกลางความเจริญของเขาใหญ่ ซึ่งตลอดเส้นทางก็จะเต็มอิ่มกับ อากาศบริสุทธิ์ ต้นไม้ ภูเขา มิตรภาพของผู้คน และ รอยยิ้มตลอดเส้นทาง
ถึง วัดท่ามะปรางค์ วัดเก่าแก่คู่ชุมชนมากว่า 100 ปี แต่เดิมเป็นเพียงวัดเล็กๆ จนกระทั่งผู้มีจิตศรัทธา ทั้งที่ผ่านมา และ ชาวบ้านได้ร่วมกันทำบุญสร้างศาสนสถานเพิ่มเติม และที่วัดแห่งนี้ ยังเป็นที่ประดิษฐานของ หลวงพ่อใหญ่ พระพุทธรูปปูนปั้นแบบอีสานดั้งเดิม มีความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของการปั้นด้วยมือ ซึ่งประดิษฐานอยู่ในวิหารหลังเก่าของวัดท่ามะปรางค์ เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน มาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย
บริเวณวัดอยู่ติดกับที่นาผืนสุดท้ายของเขาใหญ่ มีวิวเขารูปช้าง ที่เรียกว่า “เขาลูกช้าง” เป็นวิวธรรมชาติที่สวยงาม
ออกไปดูผืนนาสุดท้ายของเขาใหญ่กันใกล้ๆ ช่วงฤดูฝนแบบนี้เป็นช่วงทำนาพอดี จึงมองเห็นวิวเป็นต้นข้าวเขียวๆในท้องนา และวิวภูเขาทางด้านหลัง ชุ่มชื่นและงดงามมาก
ปั่นจักรยานตามเส้นทางธรรมชาติ ท่ามกลางบรรยากาศที่แวดล้อมไปด้วย ภูเขา ลำธาร ทุ่งหญ้า และ ต้นไม้
ต้นหมากเม่า เป็นต้นไม้ที่เราได้พบเจออยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะตามเส้นทางปั่นจักรยาน หรือ ในชุมชน ซึ่ง ผลของหมากเม่า สามารถนำไปทำผลิตภัณฑ์น้ำหมากเม่าได้ หรือจะทานกันสดๆเลยก็ได้เช่นกัน มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน ดูจากสีถ้ายิ่งแดงออกดำจะยิ่งหวาน
พักเหนื่อยจากการปั่นจักรยาน มาเรียนรู้การทำกล้วยฉาบ “กล้วยพี่ด้วน” จากกลุ่มแม่บ้านชุมชน ทีมีเทคนิค การสไลด์กล้วย แบบไม่ให้จับตัวกัน ด้วยเครื่องมือแร่กล้วยทรงประสิทธิภาพ พร้อมทดลองทำ และลองชิมกล้วยฉาบแบบสดๆ ร้อนๆ มีรสชาติหลากหลาย ทั้ง กล้วยมัน กล้วยหวาน กล้วยเบรกแตก และ นอกจากนี้ ก็สามารถปรุงรสด้วยการเพิ่ม ผงชีส ผงปาปริก้า ได้ตามใจชอบ
ปิดท้ายวันแรก ด้วย อาหารมื้อเย็น ปรุงจากวัตถุดิบในชุมชน จากฝีมือชาวบ้าน โดยมี เมนูเด็ด อย่างเช่น น้ำพริกมะขามอ่อน หม้อปลาร้า(ปลาดุกต้มใส่ปลาร้า) ลาบหมูทอด ต้มยำไก่บ้านใส่ใบมะขามอ่อน เห็ดสามอย่างทอด และผลไม้จากสวนของชาวบ้าน เป็นต้น
เช้าวันใหม่ ชมวิถี สูดอากาศสดชื่น
ควรตื่นแต่เช้าเป็นอย่างยิ่ง! เพราะ ที่นี่.. ยามเช้า อากาศดีมาก ออกมาสูดอากาศดีๆ พร้อมกับชมวิถีชีวิตของชาวบ้านในชุมชน และในช่วงเช้าจะมีพระออกมาเดินบิณฑบาตรด้วย ถ้าใครอยากใส่บาตร ก็ตื่นเช้ามารอใส่บาตรได้ พระท่านจะมาเดินบิณฑบาตรในช่วงเช้าประมาณ 06.00 น – 07.00 น.
ช่วงสาย เราเดินทางไปเพิ่ม พื้นที่สีเขียว ด้วยกิจกรรม “ปลูกป่า” ที่ ศูนย์การเรียนรู้ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ททท. ร่วมปลูกต้นไม้กันคนละต้น เพื่อให้เติบโตเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่าในอนาคต
จากนั้น ไปชม สวนเกษตรแบบผสมผสาน ที่บ้านของ พี่หนุ่ม พยุงศักดิ์ ซึ่งอดีตเคยเป็นผู้จัดการโรงแรม แต่ได้ผันตัวมาทำการเกษตรผสมผสานแบบก้าวทีละก้าวตามทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง
บ้านของพี่หนุ่ม จึงเป็นเหมือนห้องเรียนใหญ่ของชุมชน ที่ใครอยากตั้งต้นทำการเกษตรให้เหมาะกับสภาพพื้นที่ และสิ่งแวดล้อม สามารถเข้ามาเรียนรู้ได้
สวนเกษตรแบบผสมผสาน ของพี่หนุ่ม มีทั้ง พืชผัก ไม้มงคล และ เลี้ยงสัตว์หลากหลายประเภท อาทิ กบ ปลา วัว หมู และไก่งวง
จากนั้นแวะเข้ามาคุยกับ คุณยาย ที่จะมาเล่าวิถีชีวิตของชุมชนนี้ในสมัยที่คุณยายยังเป็นสาวๆ พร้อมกับทำกิจกรรมเบาๆ อย่าง “กิจกรรมลูกไม้ใกล้บ้าน” ซึ่งเป็นกิจกรรมการพับกุหลาบจาก ใบเตย กับ ลูกมะกรูด ที่ปลูกอยู่ทั่วไปในสวนหลังบ้าน และทำ ลูกหอมดับกลิ่นจากผลมะกรูดด้วยตัวเอง เพื่อนำกลับไปเป็นของที่ระลึกอีกด้วย
ได้เวลา อาหารมื้อเที่ยง เราก็ได้ชิมเมนูท้องถิ่น ฝีมือจากชาวบ้านในชุมชนกันเช่นเคย ซึ่งในมื้อนี้ ก็มีเมนูที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น ไก่กะเต๊ด(ไก่ใต้น้ำ) ลาบปลาดุก ปลาร้าผัด ผัดหมี่โคราช ต้มหัวปลี ส้มตำปูปลาร้า เป็นต้น
ช่วงบ่าย เราเดินทางไปเรียนรู้เรื่อง ช้าง สัตว์ตัวใหญ่ประจำถิ่น ที่ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยเขาใหญ่
ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย เขาใหญ่ ตั้งอยู่บริเวณทางขึ้น อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นศูนย์ที่ส่งเสริมการอนุรักษ์ และคุ้มครองช้างไทย ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาเที่ยวชมและให้อาหารช้างอย่างใกล้ชิดกันได้
และก็ถึงเวลาที่เราต้องอำลาชุมชนแห่งนี้กันแล้ว เพื่อเดินทางกลับ กรุงเทพฯ นับว่าเป็นทริป “ดีท็อกปอด กอดเขาใหญ่” กับระยะเวลา 2 วัน 1 คืน ที่ทำให้รู้สึกประทับใจมากๆเลยล่ะค่ะ
การเดินทาง
- รถยนต์ส่วนตัว
จาก กรุงเทพฯ ใช้ถนนพหลโยธิน (หมายเลข 1) ไป สระบุรี เลี้ยวขวาถนนมิตรภาพ (หมายเลข 2) มุ่งหน้าปากช่อง จากนั้น เลี้ยวเข้าถนนธนะรัชต์ (หมายเลข 2090) เข้าไปถึง หน้าด่านอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง รวมระยะทางประมาณ 130 กิโลเมตร
- รถสาธารณะ
รถตู้ รถทัวร์ และ รถไฟ จาก กรุงเทพฯ ลงที่ ตัวอำเภอปากช่อง ต่อรถสองแถว ปากช่อง-เขาใหญ่ ถึง หน้าด่านอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
ข้อควรปฏิบัติ ในการท่องเที่ยวชุมชน
- ติดต่อชุมชนก่อนทุกครั้ง เพื่อให้นำเที่ยว
- แต่งกายสุภาพ ให้เกียรติสถานที่และเหมาะสมกับกิจกรรม
- ไม่ลบหลู่ กฎระเบียบ ประเพณี ความเชื่อของชุมชน
- มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ทิ้งขยะในที่ทีจัดให้
ข้อมูลติดต่อ วิสาหกิจท่องเที่ยวชุมชน บ้านท่ามะปรางค์ – บ้านคลองเพล
- คุณบี : 064 610 2754
- คุณแมน : 097 229 1323
- คุณขวัญ : 096 545 1531 (สำหรับกลุ่ม Agent)
*หมายเหตุ : ทีมนวัตกรรม ของ ททท. ได้จัดทำแอปพลิเคชั่นที่ชื่อว่า Local Kit ขึ้นมา เพื่อใช้สำหรับการจองกิจกรรมและที่พักภายในชุมชนต่างๆ ที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ ช่วยในการจัดการการจอง และประมวลผลข้อมูลเรื่องนักท่องเที่ยว ช่วยเรื่องความแน่นอนในการจอง และลดปัญหาการจองชนกัน ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีข้อมูลที่แอปพลิเคชั่นนี้ได้ประมวลผลเอาไว้ ซึ่งจะเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวในนามบริษัท หรือหน่วยราชการที่ต้องการข้อมูลต่างๆ ซึ่งคาดว่า.. จะสามารถใช้งานได้เต็มรูปแบบในอนาคตอันใกล้นี้
#FindFolk #ดีท็อกปอดกอดเขาใหญ่
#อเมซิ่งไทยเท่ #Amazingไทยเท่