เที่ยวชุมพร นอนโฮมสเตย์ ชิลกับทะเล เตร็ดเตร่มาพักชลิชา
เที่ยวชุมพร นอนโฮมสเตย์
ชิลกับทะเล เตร็ดเตร่มาพักชลิชา
“บางทีเราก็นึกไม่ออกว่า เราจะมีความสุขกับสิ่งที่เราไม่เคยนึกชอบได้ยังไง จนกว่าเราจะได้สัมผัสมันด้วยตัวเอง”
การเดินทางของเราในครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ไปจังหวัดชุมพร จากคำชวนของผู้ร่วมเดินทาง ก่อนหน้านั้นจังหวัดนี้ยังไม่เคยผุดขึ้นมาในหัวของคนชอบเที่ยวอย่างเราเลยสักครั้ง ตั๋วเครื่องบินสำหรับ 3 วัน 2 คืน พร้อมตั้งแต่เรายังไม่พร้อม ที่พักคืนแรกพร้อมด้วยความพร้อมของอีกคน จนใกล้วันเดินทางเราจึงเร่งหาข้อมูลด้วยตัวเองอีกครั้ง …….
นี่คือแผนการเดินทางที่เราแพลนไว้ โดยผ่านการเห็นด้วยจากผู้ร่วมเดินทาง (ไหนว่าไม่เคยคิดอยากไป..)
วันที่ 1
08.35 น. – ถึงสนามบินชุมพร
10.00 น. – ถึงในเมืองชุมพร เดินหามอเตอร์ไซค์เช่า
12.30 น. – ถึง ท้องตมใหญ่ โฮมสเดย์
14.00 น. – ออกไปทะเล ชมเกาะต่างๆ
16.00 น. – ไหว้พระ สักการะสงศักดิ์สิทธิ์
17.00 น. – ชมวิวที่ศาลกรมหลวงชุมพร หัวเขาถ่าน สวี
18.00 น. – หาดทรายรีสวี
19.00 น. – ลงเรือไปตกหมึก
วันที่ 2
09.00 น. – อาหารเช้า ท้องตมใหญ่ โฮมสเตย์
10.00 น. – ออกเดินทาง
12.20 น. – สะพานแขวน อช. หมู่เกาะชุมพร
12.10 น. – อ่าวทุ่งมะขาม
12.40 น. – หาดทรายรี
13.00 น. – มื้อกลางวัน ร้านบ้านหมอแต๋ว
14.00 น. – ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
14.10 น. – หาดผาแดง
14.30 น. – หาดภราดรภาพ
15.00 น. – จุดชมวิวเขามัทรี
16.00 น. – ชลิชา รีสอร์ท
18.00 น. – สะพานไม้เคี่ยม โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่
19.00 น. – ตลาดโต้รุ่ง ถนนกรมหลวงชุมพร
วันที่ 3
06.30 น. – เช็คเอ๊าท์ คืนรถมอเตอร์ไซค์
07.00 น. – ขึ้รถตู้กลับเข้าสนามบิน
วันที่ 1
บินกับหางแดง ไปเช้า กลับเช้า ไฟลท์ไป 07.25 น. ไฟลท์กลับ 09.10 น. วันละเที่ยว มาถึงสนามบินกันตั้งแต่ไก่โห่เลย
ใจนึงก็รู้แหละว่าเดี๋ยวมีอาหารบนเครื่องที่คนจองเขาเลือกไว้ให้เรียบร้อยแล้ว แต่อีกใจก็อยากเข้าไปใช้สิทธิ์ในเบอร์เกอร์คิง เอาสิ ต้องไปแลกเบอร์เกอร์ ถึงจะมีจำนวนจำกัดก็ต้องขอไปยืนกดให้รู้กันก่อน ครั้งนี้ยังได้เช่นเคย ดี๊ดี
ขึ้นเครื่องมานั่งเบาะยังไม่ทันอุ่นอาหารก็มาวางข้างหน้าแล้ว อาหารมื้อเช้าบนเครื่อง โต๊ะอาหารที่มีวิวดีที่สุด งืม….. อร่อยดีแฮะ
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ลอยอยู่กลางอากาศ ด้วยอาการอึนๆ โชคดีได้นั่งริมหน้าต่างชมวิวไปเพลินๆ พอช่วงใกล้ถึงชุมพรเหมือนถูกดึงขึ้นมาจากอาการง่วงหงาวหาวนอน เพราะภาพทะเลริมฝั่งมุมสูงแถวนี้สวยสะกดใจดีจริงๆ
08.35 น. – ถึงสนามบินชุมพร
ถึงสนามบินแล้ว เดินออกมาหารถเข้าเมือง เห็นมีอยู่ 2 เค้าน์เตอร์ เลือกอันไหนก็ได้ราคา 150 บาท/เที่ยว/คน เหมือนกัน แต่ช่วงนี้ “ใช้บอร์ดดิ้งพาสแอร์เอเชีย ลด 50 บาท/เที่ยว/คน” ก็เลยปรี่เข้าไปที่เฟรมทัวร์
10.00 น. – ถึงในเมืองชุมพร เดินหามอเตอร์ไซค์เช่า
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงในเมือง ลงรถตรงที่ทำการเฟรมทัวร์ ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ ที่นี่มีมอเตอร์ไซค์ให้เช่า มีที่พักให้บริการ แต่สำหรับเราคิดว่าการเช่ามอเตอร์ไซค์ยังดูยุ่งยากและราคา 300 บาท/วันนี่ถือว่าค่อนข้างแพงนะ เดินไปถามหาร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ไปเรื่อยจนพบ ….
12.30 น. – ถึง ท้องตมใหญ่ โฮมสเดย์
พอได้มอเตอร์ไซค์เช่าแล้วก็มุ่งหน้าลงไปทางอำเภอสวีทันที เดิมทีจะแวะเที่ยวสักสองสามจุดก่อนเข้าที่พัก แต่ดูเหมือนเมฆจะเริ่มรวมก้อนหนาจึงตัดสินใจเข้าที่พักก่อน ที่พักคืนแรกคือ ท้องตมใหญ่ โฮมสเตย์ เป็นอีกหนึ่งโฮมสเตย์ที่ใกล้ทะเลและออกเรือไปท่องทะเลได้
ห้องพักมีขนาดค่อนข้างกว้าง มีเตียงนอน หมอน ผ้าห่ม แอร์ ทีวี ห้องน้ำในตัว เครื่องทำน้ำอุ่น มีราคาหลายแบบให้เลือก ดังนี้
พัก 1 คืน อาหาร 3 มื้อ 1,050 บาท/คน
พัก 1 คืน อาหาร 2 มื้อ (เช้า,เย็น) 800 บาท/คน
พักอย่างเดียวไม่รับอาหาร 300 บาท/คน
เด็ก 1-5 ขวบ ฟรี / 6-10 ขวบ ครึ่งราคา
กิจกรรม
ดำน้ำตื้น ดูปะการัง เรือเหมาลำละ 2,000 บาท นั่งได้ประมาณ15 คน
อุปกรณ์ดำน้ำ 40 บาท (ฟรี เสื้อชูชีพ)
ตกหมึก เรือเหมาลำ 2,000 บาท นั่งได้ประมาณ15 คน
คาราโอเกะ 1,500 บาท (เวลาถึง 24.00 น.)
สามารถเดินออกไปด้านหลังที่พักได้ จะมีทางเดินเป็นไม้ทอดยาวออกไป สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นโกงกาง จากนั้นจะพบกับลานไม้ริมทะเล มีชุดโต๊ะเก้าอี้ที่สามารถออกมานั่งทานข้าวชมวิวตรงนี้ได้
มาถึงช่วงกลางวันแบบนี้ก็ได้ทานอาหารมื้อกลางวันพอดี วันนี้มีเมนู 4 อย่าง คือ ปูนึ่ง ปลาเนื้ออ่อนผัดฉ่า ปลาหมึกต้มสับปะรด และไข่เจียวร้อนๆ รสชาติอร่อยใช่เล่นเลยนะคะ
14.00 น. – ออกไปทะเล ชมเกาะต่างๆ
หลังจากอิ่มท้องและพักผ่อนกันไปสักพัก ก็ได้เวลาล่องเรือออกทะเลกันแล้ว
มองเห็นรูปปั้นม้าน้ำ และโอ่งสีทอง อันเป็นสัญลักษณ์ของบ้านท้องตมใหญ่
และหาดท้องทราย
หลักๆเน้นชมความงดงามตามธรรมชาติของเกาะต่างๆ ประมาณ 5-6 เกาะ บริเวณ หมู่เกาะชุมพรค่ะ บางเกาะน้ำใสมาก ใสจนนึกเสียดายที่ปฏิเสธไปตั้งแต่ต้นว่าไม่ลงดำน้ำ พี่คนขับเรือจึงไม่ได้เอาอุปกรณ์ใดๆพกไปด้วยเลย บางเกาะเป็นเกาะที่นักท่องเที่ยวแทบไม่ได้เข้าไปถึง มีปะการังที่ยังมีชีวิตอยู่ และน้ำทะเลบริเวณนั้นใสมาก ใสจนมองลงไปก็เห็นใต้น้ำกันแล้ว
เกาะมัดหวายใหญ่ และเกาะมัดหวายน้อย มองไกลๆเหมือนเต่า 2 ตัว หันหน้าไปทิศทางเดียวกัน
เกาะลังกาจิวที่เป็นพื้นที่สัมปทานรังนกนางแอ่น มองเห็นบ้านพักของชาวบ้านที่มาเฝ้ารังนกด้วย
เกาะกุลา สามารถลงเรือ เดินเล่น ดำน้ำตื้นริมเกาะ และมีที่พักของอุทยานด้านบน เมื่อเรือเทียบเกาะและขึ้นไปด้านบนแล้วจะมีค่าเข้าอุทยานแห่งชาติ คนละ 40 บาทด้วยนะคะ
เกาะแกลบ เกาะแห่งนี้น้อยคนจะมาถึง เนื่องจากเริ่มไกล แต่น้ำใสมาก!!!! พี่คนขับเรือบอกว่าใต้ทะเลใกล้เกาะแกลบนี้มีปะการังที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นบริเวณกว้างหลายร้อยเมตร
ได้เห็นชาวบ้านกำลังตกปลา และตกหมึกจากบนเรือด้วย
พี่คนขับเรือวนเรือให้ชมความงดงามของหิน มุมนี้มองเห็นเหมือนศีรษะของชาวอินเดียแดง
และมุมนี้เห็นเหมือนพระพุทธรูปครึ่งองค์ ปางห้ามญาติ อยู่ภายในหินก้อนใหญ่
ได้ชะแว๊บไปดูไม้หลักปักอยู่กลางทะเลไกลๆสำหรับบามหมึก ก็แหงล่ะ เวลาไม่พอ แถมคนที่มาด้วยเขาเคยมาแล้ว ครั้งนี้เราก็อดไปน่ะสิ ไว้คราวหน้าจะเข้าไปใหม่ ><
หลังจากที่มองดูเวลา ใกล้จะเย็นแล้ว จึงพากันกลับเข้าฝั่ง ขาลง ลงที่ท่าเรือในหมู่บ้าน ส่วนขาขึ้นง่ายหน่อยเพราะขึ้นที่สะพานปลา เดินออกมาได้ชม รูปปั้นโอ่งทอง และม้าน้ำ สัญลักษณ์แห่งบ้านท้องตมใหญ่ พอดิบพอดี
นั่งดูหนุ่มน้อยท่าทีชำนาญการกำลังตกหมึก ตกปลา ที่สะพานปลาระหว่างนั่งรอรถ
16.00 น. – ไหว้พระ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์
พี่คนขับเรือเปลี่ยนหน้าที่มาเป็นคนขับรถพาเที่ยว ชวนไปไหว้พระ และศาลกรมหลวงชุมพร สวี ก็ตอบปากรับคำนั่งรถให้พี่เขาพาไป แวะไหว้พระและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นศิริมงคลกันเสียก่อน
ได้พบกับเด็กๆสี่ขา หน้าตาน่ารักน่าชังจนอยากจะอุ้มใส่กระเป๋ากลับบ้าน สะโหลสะเหลกันอยู่ 5-6 ตัว
17.00 น. – ชมวิวที่ศาลกรมหลวงชุมพร หัวเขาถ่าน สวี
รีบบึ่งไปต่อกันที่ศาลกรมหลวงชุมพร สวี กลัวตะวันจะลับฟ้าไปเสียก่อน แต่เมื่อมาถึงแล้วพบว่าศาลปิด จึงไหว้จากด้านนอก และยืนชมวิวมุมสูงจากบริเวณนี้กันต่ออีกเล็กน้อย
18.00 น. – หาดทรายรี สวี
รีบลงมาแวะที่ หาดทรายรี สวี กันต่ออีกสักหน่อย ที่นี่มองแว๊บเดียวก็หลงรูปทันที เพราะริมถนนก่อนลงถึงตัวหาดทราย มีดงต้นมะพร้าวซึ่งบริเวณพื้นนั้นมี ว่านสี่ทิศ ดอกสีส้มอ่อน กระจายตัวออกดอกแตกกออยู่เต็มไปหมด
สวยมาก เวลาเห็นดงดอกไม้จะเหมือนถูกมนต์สะกด ยิ้มกริ่ม ใจลอยละล่องเดินปรี่เข้าไปหา ไปขอกระแซะเลียบๆเคียงๆ จะใกล้ชิดไปก็ไม่ได้เพราะกลัวดอกไม้จะช้ำเสียหาย สวยงามมากจริงๆ
เห็นเด็กๆวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน นึกอยากย้อนกลับสู่วัยเด็กแล้ววิ่งเข้าไปเล่นด้วยเดี๋ยวนั้น แต่เด็กๆอาจจะตกใจกลัวจนแตกกระจายหายวับกลับเข้าบ้านกันหมด
มองดูทะเล หาดทราย เปลือกหอย และวุ้นใส….. เอ้ย! แมงกะพรุน!! เขาขึ้นมาเกยตื้นด้วยกระแสคลื่นบางเบา อาจจะต้องการแค่มาอวดโฉมอันใสวาวราวกับวุ้น เพราะเพียงไม่กี่นาทีจากนั้นก็ค่อยๆขยับกายตามคลื่นไหลลงสู่ทะเลไป
นั่งเล่น นั่งชมวิวกันต่ออีกพักหนึ่ง
19.00 น. – ลงเรือไปตกหมึก
กลับเข้ามาถึงที่พักในช่วงมืดพอดี พร้อมลงเรือกันอีกครั้ง คราวนี้มีพี่ๆ 2 คน ช่วยกันขับเรือออกไปภายใต้แสงไฟสีเขียว พร้อมกับพ่อหนุ่มน้อยหัวหน้าทีมอีก 1 คน
อุปกรณ์ตกหมึก มีแค่นี้เอง
เห็นนั่งหย่อนกันแป๊บๆก็ได้หมึกขึ้นมาให้ชมกันแล้ว วันนี้เดือนมืด ประจวบกับเจอน้ำเสีย หมึกจึงไม่ค่อยขึ้นมาติดเหยื่อ ถ้ามาตรงวันเดือนสว่าง ยิ่งเป็นช่วงข้างขึ้น หมึกจะเยอะกว่ามาก เป็นความรู้ใหม่สำหรับเราเลย
นี่ไง หัวหน้าทีมของเรา เห็นตัวน้อยๆอย่างนี้ เก่งไม่เบานะ ^^
เตรียมน้ำจิ้มซีฟู้ด มีด และน้ำเปล่าสำหรับล้างมาอย่างดี ชำแหละหมึกกินกันสดๆบนเรือตรงนั้นเลย
ทีแรกก็คิดนะว่าดูโหดจัง จับขึ้นมากินสดๆ แต่ก็นึกถึง กุ้งแช่น้ำปลา ซาชิมิ เอิ่ม….ก็เลยลองชิม ปรารกฎว่า อร่อย!! แต่เขาบอกว่ากินเยอะจะไม่ดีต่อร่างกายซึ่งจะส่งผลในตอนที่อายุมาก ก็เลยชิมไปชิ้นสองชิ้นให้ได้รสอร่อยอย่างที่ไม่เคยมีเข้าปากมาก่อน แล้วเก็บที่เหลือกลับไปย่าง
เราเห็นท้องฟ้าเริ่มมืดผิดปกติจากก่อนออกมา เริ่มเห็นแสงฟ้าแลบ เลยชวนพี่ๆกลับเข้าฝั่ง ก่อนกลับก็มีโชว์หมึกกระโดด โดยเปลี่ยนสีไฟจากเขียวเป็นส้ม ค่อยๆหรี่ลงเรื่อยๆแล้วหมึกก็กระเด้งกระโดดกันขึ้นมาเหนือผิวน้ำ เสมือนแสดงกายกรรมให้เราชม เอ้า ปรบมือ รัวๆๆๆๆ
ขึ้นฝั่งกลับเข้าที่พักมาทานมื้อค่ำกันต่อ มื้อนี้ประกอบไปด้วย หมึกต้มหวาน (จานนี้เราชอบมากที่สุด อร่อยมาก นึกแล้วก็อยากกินอีก) ปลาจาระเม็ดทอด ยำถั่วพู แกงส้มหน่อไม้ใส่ปู แถมด้วยปลาหมึกย่างที่พี่ๆเขาก่อไฟให้ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย กลับมานั่งได้แป๊บเดียวฝนก็กระหน่ำลงมา โชคดีเหลือเกินที่ชวนกันกลับเข้าฝั่งมาถึงที่พักก่อนฝนเทลงมาแบบนี้
อันนี้คือ ไข่หมึก เม็ดเล็กๆใสๆ ส่วนที่เห็นขายกันเป็นก้อนๆแล้วบอกว่าเป็นไข่ปลาหมึกทอด นั่นคือ อัณฑะของหมึกนะคะ ไม่ใช่ไข่ เอ๊ะ หรือเรียกว่าไข่ก็ได้เหมือนกัน ไข่ ที่ไม่ใช่ไข่อะนะ ฮ่าๆๆๆ
วันที่ 2
09.00 น. – อาหารเช้า ท้องตมใหญ่ โฮมสเตย์
ตื่นมาชมความเขียวของต้นไม้ใบหญ้าหน้าที่พัก สดชื่นดีจริงๆ
อาหารเช้าวางเตรียมไว้ให้พร้อมแล้วด้วย เมนูหลักคือข้าวต้มกุ้งหม้อใหญ่ มีเครื่องปรุงวางไว้ให้ข้างๆ
มีขนมหวานอีกหลายชนิดวางไว้ให้บนโต๊ะด้วย
นอกจากนี้ยังมีผลไม้อย่างสับปะรด ขนมปัง นมข้นหวาน โอวัลติน กาแฟ ซึ่งเป็นกาแฟของชุมพร เนื่องจากชุมพรเป็นแหล่งปลูกต้นกาแฟ มีทั้งพันธุ์อราบิก้าและโรบัสต้า มากที่สุดในประเทศไทย มีหลายยี่ห้อโดยผลิตจากชุมชนและรัฐวิสหกิจ เช่น ถ้ำสิงห์ เขาทะลุ เอสที
10.30 น. – ออกเดินทาง
ได้เวลาเดินทางกลับเข้าตัวเมืองชุมพร ออกมาช้าไปหน่อย ระหว่างทางเจอฝนปรอย แต่ไม่เป็นปัญหาเพราะแวะข้างทางได้
12.20 น. – สะพานแขวน อช. หมู่เกาะชุมพร
จุดแรกที่มุ่งมาเลยคือ “ที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร” บริเวณนี้จะมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน ที่อุดมสมบูรณ์มากอีกแห่งหนึ่งของประเทศเลยก็ว่าได้ ประกอบด้วย โปรงทอง และ โกงกาง
มีสะพานไม้ทอดยาวให้เดินเข้าไปยังอาคารนิทรรศการ
ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆของหมู่เกาะชุมพร
จากนั้นเดินออกไปอีกระยะหนึ่งจะพบกับสะพานแขวนขนาดใหญ่อยู่กลางป่าชายเลน มองเห็นปากน้ำจากทะเลเข้ามา
12.10 น. – อ่าวทุ่งมะขาม
มาแวะเดินเล่น รับลม ชมวิว กันที่อ่าวทุ่งมะขาม เป็นชายหาดที่เงียบสงบ มีต้นไม้มาก ลมพัดเย็นสบาย น้ำใส เหมาะแก่การท่องเที่ยว พักผ่อน และลงเล่นน้ำที่สุด
12.40 น. – หาดทรายรี
มาแวะอีกหนึ่งหาดที่เมื่อมาเมืองชุมพรแล้วจะต้องมาที่นี่ให้ได้ นั่นคือ หาดทรายรี หาดนี้มีนักท่องเที่ยวค่อนข้างมาก มีร้านอาหารอยู่หลายร้าน มีลานสนามหญ้าและโต๊ะสำหรับนั่งทานอาหาร หรือนั่งปิกนิค ชมวิวกันเพลินๆ และอยู่ใกล้ศาลกรมหลวงชุมพรด้วย
13.00 น. – มื้อกลางวัน ร้านบ้านหมอแต๋ว
มาทานอาหารกลางวันกันที่ร้านบ้านหมอแต๋ว แน่วแน่กับผัดไทยถาดสำหรับ 2 คน คุยกันตั้งแต่ก่อนมาแล้วว่าจะต้องจัดเมนูนี้ เมื่อมาวางตรงหน้า โอ้โห!!!! เยอะมาก หน้าตาก็น่ากินมาก!! อร่อยด้วย ชอบเลยอะเยอะแค่ไหนก็ไม่เหลือ
จริงๆแล้วร้านบ้านหมอแต๋วยังมีเมนูอื่นๆให้เลือกทานอีกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นเมนูก๋วยเตี๋ยว ทะเลลวก ต้มแซ่บ และอีกมากมาย
ผัก จาน ช้อน บริการตัวเองนะคะ มีวางไว้ให้บนโต๊ะด้านนอก
14.00 น. – ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
อิ่มแล้วก็วกกลับมาขึ้นศาลกรมหลวงชุมพร อยู่ใกล้ๆกันเลยค่ะ ข้างบนนี้คนเยอะมาก มีที่จอดรถไว้ให้เป็นสัดเป็นส่วนดี สามารถเดินมาชมวิวหาดทรายรีจากมุมสูงได้ด้วย
14.10 น. – หาดผาแดง
เลยมาที่หาดผาแดง เราค่อนข้างคาดหวังกับจุดนี้มากไปหน่อย ว่าคงจะสวยและแปลกตาด้วยสีแดงของโขดหินผาแบบธรรมชาติ แต่เมื่อมาถึงแล้ว เห็นสภาพชายหาดที่ดูโทรมๆ มีคราบฟองขาวขุ่นลอยอยู่ในทะเลริมฝั่ง และเลอะเกลื่อนหาด ขยะก็มีให้เห็น ซึ่งขาดการดูแลน่าเสียดายมาก
14.30 น. – หาดภราดรภาพ
มาถึงหาดภราดรภาพ เป็นหาดที่ทอดยาว โค้งเล็กน้อย แต่หาทางลงหาดยากสักหน่อยสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้เช็คข้อมูลมาให้ดีๆอย่างเรา เพราะมีทั้งที่พัก ร้านอาหาร บ้านของชาวบ้าน และต้นไม้อยู่ปิดทางเข้าหาดแทบตลอดทาง เรามาแวะได้จุดนี้แต่เจอโขดหินเยอะไปนิด
ส่วนที่ชอบมากก็คือบ้านของชาวบ้านหลังนี้นี่แหละ ดูชิลดีจังเลย
15.00 น. – จุดชมวิวเขามัทรี
ทราบมาว่าทางขึ้นชัน บางคนขึ้นไม่ได้ ก็คุยกันว่าจะลองขึ้นไปดูก่อน ถ้าไม่ไหวก็ไม่ขึ้น พอขึ้นมาแล้วเห็นมีช่วงที่ชันๆอยู่ระยะสั้นๆเองนะ ถ้ารถไม่เก่าหรือบรรทุกคนและของมามากๆก็สบาย ขึ้นมาด้านบนแล้วสามารถเดินไปรอบๆ ชมวิวได้แทบทุกด้านเลย เริ่มจากมุมนี้ใกล้ลานจอดรถ มีร้านกาแฟถ้ำสิงอยู่ วิวดีมาก!! มองเห็นหาดภราดรภาพด้านล่างได้อย่างงดงาม
จากจุดนี้มองลงไปเห็นปากน้ำชุมพร สวยดีเหมือนกัน
และมุมนี้จะได้เห็นทะเลกว้างไกล
อากาศข้างบนมีลมพัดเย็นสบาย แต่ช่วงกลางวันแดดค่อนข้างร้อน เดินๆไปเหงื่อไหลไคลย้อยจึงขอเดินเข้ามานั่งเย็นๆในร้านกาแฟกันสักหน่อย สั่งลาเต้ 1 แก้ว (ดูดกัน 2 คน ^^”) อร่อยอ้ะ
16.00 น. – ชลิชา รีสอร์ท
แล้วรีบตรงเข้าที่พักคืนที่ 2 ของเรา คือ ชลิชา รีสอร์ท เป็นรีสอร์ทที่หาดูข้อมูลมาแล้วโดนใจมาก อยู่ในเมือง ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยว ไม่ไกลจากท่ารถตู้เข้าสนามบิน บรรยากาศดี มีสระว่ายน้ำ และราคาไม่แพง
ตอนที่ดูรูปจากเว็บฯต่างๆมาก็ถูกใจระดับนึง และคิดว่าเป็นรีสอร์ทเล็กๆที่มีอยู่ไม่กี่ห้อง แต่เมื่อมาเห็นกับตาแล้วไม่ใช่ธรรมดาอย่างที่คิดเลย บรรยากาศดูร่มรื่น มีต้นไม้น้อยใหญ่ให้ร่มเงาอยู่หลายต้น
บริเวณฟร้อนท์ แผนกต้อนรับ มีที่นั่งพักเป็นเก้าอี้หวาย สวย เข้ากับสไตล์ของรีสอร์ทเป็นอย่างยิ่ง
มาที่พักที่ถูกใจเราแล้วก็ต้องขอเก็บข้อมูลมาบอกต่อกันสักหน่อยค่ะ พนักงานของที่นี่ยิ้มแย้มแจ่มใสพูดจานุ่มนวลน่ารักน่าฟังกันทุกคนเลย
ห้องพักของที่นี่แบ่งออกเป็นแบบ วิลล่า และอาคาร เราจะพาชมห้องพักตัวอย่างสัก 3 แบบนะคะ
ชลิชา สวีท วิลล่า
ห้องพักเป็นบ้านแบบหลัง มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวางที่สุด ภายในห้องใช้ผนังสีเหลืองอ่อน และโทนสีน้ำตาลจากเฟอร์นิเจอร์ไม้ ส่วนห้องนอนซึ่งมีเตียงขนาดคิงไซส์ตั้งอยู่ และเชื่อมต่อกับส่วนของห้องนั่งเล่น มีชุดโซฟาไม้พร้อมหมอนอิงให้ ที่น่าตื่นตาตื่นใจสุดๆคืออ่างอาบน้ำวงกลมขนาดใหญ่กลางห้องน้ำอันโอ่อ่า น่าลงไปนอนแช่น้ำอุ่นๆให้สบายตัวทั้งคืนเลย
ดีลักซ์ วิลล่า
ขนาดห้องเล็กกว่าแบบแรกนิดหน่อย แต่อุปกรณ์เครื่องใช้ครบครันเช่นกัน สไตล์การตกแต่งภายในก็คล้ายคลึงกัน ภายในห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ นอนแช่น้ำอุ่นๆได้อย่างสบายๆ และนอกจากนี้ยังมี Outdoor Shower ให้สามารถออกไปยืนอาบน้ำด้านนอก มองต้นไม้ ท้องฟ้า และหมู่ดาวยามค่ำคืน
ห้องพักในอาคาร
ห้องพักกว้างขวาง ข้าวของเครื่องใช้เพียบพร้อม รวมถึงตู้เย็นขนาดใหญ่ และระเบียงที่สามารถออกไปนั่งเล่นหรือชมวิวทิวทัศน์อย่างเพลิดเพลินได้ นี่เป็นห้องพักของเราคืนนี้ จริงๆแล้วอยากนอนห้องวิลล่าข้างล่างมากแต่วันที่เราเข้าไปพักนั้น วิลล่าเต็มทุกห้อง จึงได้ห้องบนอาคารแทน แต่สิ่งที่ได้เห็นและได้สัมผัสคือความรู้สึกเกินคาด นอกจากความกว้างขวางแล้ว ทุกอย่างยังดูลงตัวดูดีเกินราคาอีกด้วย
ในห้องพักจะมีเมนูเครื่องดื่มและอาหารวางไว้ให้ สำหรับใครที่อยากทานอาหารภายในห้องพักก็สามารถโทรให้พนักงานขึ้นมาเสิร์ฟให้ได้เลยค่ะ
ภายในอาคารมีห้องพักอยู่ 4 ชั้น มีต้นไม้นานาพันธุ์อยู่ด้านหน้าและหลัง ดูร่มรื่นชอุ่มมาก แม้ตอนกลางคืนก็ยังมีไฟเปิดให้ความสว่างจนได้อารามณ์โรแมนติกมากเลย
มีลิฟท์ให้ใช้บริการขึ้นลง และบันไดที่ดูปลอดโปร่งแบบนี้
มุมนั่งเล่นบริเวณชั้น 1 ของอาคารที่พัก
ที่ดูเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของชลิชา รีสอร์ท คือ สระว่ายน้ำ เปิดให้บริการในช่วงเวลา 07.00 – 21.00 น. มีส่วนที่เป็นสปาระบบน้ำวน โดยจะเปิดน้ำวนในเวลา 10.00 – 20.00 น.
ทางเดินไม้เก๋ๆ เชื่อมจากตัวอาคารที่พักไปยังสระว่ายน้ำ
มีจักรยานให้ยืมปั่นเล่นอีกหลายคันด้วยนะคะ
ด้านหน้ารีสอร์ท มี Coffee Shop ขนาดใหญ่อยู่ ให้บริการทั้งอาหารและเครื่องดื่ม เป็นที่สำหรับรับประทานอาหารเช้าด้วยค่ะ ซึ่งเปิดให้บริการในช่วงเวลา 07.00 – 21.00 น.
บรรยากาศยามค่ำคืน ลงมาเดินเล่นชิลๆได้ แสงสว่างจากไฟสีส้มมีอยู่ทั่วทั้งรีสอร์ท โรแมนติกดีเหมือนกัน
ราคาห้องพักแต่ละประเภท
ประเภท วิลล่า
สแตนดาร์ด เตียงเดี่ยว 550 บาท/คืน (วันหยุดต่อเนื่อง 850 บาท/คืน)
สแตนดาร์ด เตียงคู่ 650 บาท/คืน (วันหยุดต่อเนื่อง 950 บาท)
สุพีเรีย 690 บาท/คืน (วันหยุดต่อเนื่อง 1,000 บาท)
ดีลักซ์ 1,290 บาท/คืน (วันหยุดต่อเนื่อง 1,550 บาท/คืน)
ชลิชา สวีท 1,500 บาท/คืน (วันหยุดต่อเนื่อง 1,890 บาท/คืน)
ประเภทอาคาร
สแตนดาร์ด ดับเบิ้ลรูม 650 บาท/คืน (วันหยุดต่อเนื่อง 950 บาท/คืน)
ดีลักซ์ ดับเบิ้ลรูม 850 บาท/คืน (วันหยุดต่อเนื่อง 1,200 บาท/คืน)
ดีลักซ์ ทวินรูม 950 บาท/คืน (วันหยุดต่อเนื่อง 1,300 บาท/คืน)
หมายเหตุ
ราคาวันหยุดต่อเนื่อง รวมอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์
ราคาปกติ ไม่รวมอาหารเช้า
ที่นอนเสริมเพิ่มท่านละ 200 บาท/คืน
ชลิชา รีสอร์ท ชุมพร
ที่อยู่ : 85 ม.9 ต.ตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร 86000
โทรศัพท์ : 077-502888 แฟ็กซ์ : 077-502424
E-mail : [email protected]
เว็บไซต์ : chalicha.com
เฟซบุ๊ก : Chalicha Resort
18.00 น. – สะพานไม้เคี่ยม โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่
ช่วงเย็น ไปต่อกันที่โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ เราอยากไปชมสะพานไม้เคี่ยมที่เป็นสะพานทอดยาวลงไปในบึงน้ำ แต่เมื่อไปถึง โธ่! สะพานปิดปรับปรุง ฮ่าๆๆๆๆ อยากมาเห็นมากแต่ไม่ได้เช็คข่าวดีๆ ช่วงนี้สะพานเก่าพังกำลังสร้างสะพานใหม่ คุณป้าที่อยู่ร้านข้างๆบอกว่าน่าจะใช้เวลาอีก 2-3 เดือนจึงจะแล้วเสร็จ และถ้าหากมาช่วงประมาณ 5 โมงเย็น สามารถซื้ออาหารไปให้น้องกวางด้านในได้ด้วยนะ แต่เรามา 6 โมงแล้ว ได้แต่ถ่ายรูปสะพานไกลๆไปก่อน
แล้วก็ชวนกันไปอีกด้านหนึ่ง เพื่อรอชมแสงสีของพระอาทิตย์ตก
เมื่อตะวันค่อยๆลอยต่ำลง แสงสีก็เริ่มเจิดจ้างดงามขึ้นเรื่อยๆ เราก็โพสต์ท่าสลับถ่ายภาพวิวไปเรื่อยๆ นี่แหละอีกหนึ่งความสุข ^^
19.00 น. – ตลาดโต้รุ่ง ถนนกรมหลวงชุมพร
หลังจากตะวันลับฟ้าไปแล้ว ก็ชวนกันกลับ แต่ก่อนกลับเข้าที่พักขอมาแวะตลาดโต้รุ่งกันสักหน่อย ตลาดที่เต็มไปด้วยร้านอาหารริมทาง ส่วนใหญ่จะเป็นร้านผัดไทยและหอยทอด หน้าตาน่ากินทั้งนั้นเลยด้วย นอกจากนี้ยังมี ปลาเผา ข้าวราดแกง ส้มตำ ไก่ย่าง ยำ บัวลอย โอ๊ย… สารพัดจะมีให้เลือกทานค่ะ
วันที่ 3
06.30 น. – เช็คเอ๊าท์ คืนรถมอเตอร์ไซค์
วันนี้ต้องตื่นตั้งแต่เช้า เช็คเอ๊าท์ตั้งแต่เช้า เช้ามากๆเสียด้วยสิ เพราะกลับไฟลท์เช้า และต้องไปรอรถตู้ของเฟรมทัวร์ตอน 6 โมงครึ่ง เพราะรถจะออกตอน 7 โมงตรง
ก่อนมายังรู้สึกเฉยๆอยู่เลยนะชุมพร พอมาแล้วก็เหมือนยังอยากไปอีกตั้งหลายที่ ครั้งหน้าขอไปดำน้ำแล้วก็ขึ้นไปชมทะเลหมอกยามเช้า อ่อ ขอไปชมดอกกาแฟบานด้วยนะ เอ๊ะ แล้วก็สวนทุเรียนสวนผลไม้ ออกเรือไปบามหมึก แล้วก็…….. พอก่อน เก็บเอาไว้ให้ได้ไปแล้วก็ค่อยกลับมาเล่าอีกทีดีกว่า ^^